ราชบุรี 29 ต.ค.- ผอ.สคร.5 ราชบุรี เตือนนักท่องไพรรับลมหนาวนิยมกางเต็นท์พักแรมระวังไรอ่อนกัดเสี่ยงป่วยไข้รากสาดใหญ่ แนะควรกางเต็นท์ในที่โล่งเตียน และทาโลชั่นกันยุงที่มี DEET หากมีอาการไข้ให้รีบพบแพทย์รักษาทันที
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จ.ราชบุรี เตือนนักท่องเที่ยวเข้าป่าระวังไรอ่อนกัด เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หลายพื้นมีความหนาวเย็น โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง นักท่องเที่ยวชื่นชอบขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวเย็น และส่วนหนึ่งนิยมกางเต็นท์พักแรม แต่ขอให้ระวังไรอ่อน หากนักท่องเที่ยวมีบาดแผลแล้วถูกตัวไรอ่อนกัดอาจเสี่ยงเจ็บป่วยด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือโรคสครับไทฟัส ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง โดยไรอ่อนมีขนาดเล็กมากอาศัยอยู่ตามใบไม้ ใบหญ้า ใกล้กับพื้นดิน สามารถกระโดดเกาะตามเสื้อผ้าของคนและกัดผิวหนังที่สัมผัสกับเสื้อผ้า ส่วนใหญ่จะถูกกัดบริเวณรักแร้ ขาหนีบ รอบเอว หลังถูกไรอ่อนกัดประมาณ 10-12 วัน จะมีอาการปวดศีรษะบริเวณขมับและหน้าผาก มีไข้สูงตลอดเวลา หนาวสั่น ตาแดง คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลีย บริเวณที่ถูกกัดเป็นแผลบุ๋มสีดำคล้ายรอยไหม้จากบุหรี่จี้ พบผื่นแดงตามร่างกายและแขนขา แต่ไม่คัน ผู้ป่วยบางรายอาจหายเองได้ แต่บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ อาจทำให้เสียชีวิตได้ จากข้อมูลปีนี้พบผู้ป่วยแล้วกว่า 7,000 ราย อัตราป่วยสูงสุดในพื้นที่ภาคเหนือ
นพ.สมาน ย้ำว่า ประชาชนที่ท่องเที่ยวตั้งแคมป์กางเต็นท์นอนในป่า ควรกางเต็นท์ในที่โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนบนพื้นหญ้า บริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ หรือที่มีหญ้าขึ้นรก ควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด กางเกงขายาว และทาโลชั่นกันยุงที่มีส่วนผสมของสาร DEET หรือใช้สมุนไพรทากันยุง ซึ่งสามารถป้องกันตัวไรอ่อนกัดได้ นอกจากนี้ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในบริเวณที่มีตัวไรอ่อนชุกชุม ไม่ว่าจะเป็นป่าโปร่ง ป่าละเมาะ บริเวณที่มีการปลูกป่าใหม่ ๆ ชายป่า และใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง หลังออกจากป่าแล้วให้รีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย พร้อมนำเสื้อผ้าที่สวมใส่ซักทำความสะอาดทันที หรือหากมีอาการไข้ให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเข้าป่าให้แพทย์ทราบ เพื่อวินิจฉัยในการรักษาได้เร็ว.-ก.007