กรุงเทพฯ 3 พ.ค.- ศาลจังหวัดธัญบุรี อนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 2 ร่วมแก๊งปล้นทรัพย์ในพื้นที่ สภ.คูคต โดย 1 ในนั้นเป็นตำรวจ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีกลุ่มคนร้ายร่วมกันปล้นทรัพย์ บุกรุก และหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อรีดเอาทรัพย์ กับผู้เสียหาย เหตุเกิดในท้องที่ สภ.คูคต จ. ปทุมธานี ว่าพล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 ได้ประชุมชุดคณะทำงานสืบสวนสอบสวน และเร่งรัดการทำงาน โดยในขณะนี้มีความคืบหน้าทางคดีเป็นอย่างมาก โดยเมื่อคืนวานนี้ (2 พ.ค.61)พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายและ พลเรือน 1 คน ในข้อหา “ปล้นทรัพย์โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ,ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและโดยไม่มีเหตุอันสมควร “ รวมแล้วในคดีนี้ ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมดจำนวน 7 คน ขณะนี้สามารถติดตามจับกุมตัวได้ 1 คน ส่วนผู้ต้องหา 6 คนที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่าคดีนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอดในทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่กระทำความผิดได้ทุกคนแล้ว ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม ยึดถือตามพยานหลักฐาน และต้องติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมกระทำผิดในครั้งนี้ให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งท่าน ผบ.ตร. ได้กำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกนายปฏิบัติตนอยู่ในกรอบกฎหมาย ระเบียบวินัย และข้อบังคับ อย่างเคร่งครัด ไม่เป็นผู้กระทำผิดเสียเอง พฤติกรรมการเรียกรับทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ทำให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงขององค์กร และสร้างความเสียหายให้แก่พี่น้องประชาชน และขอยืนยันว่าทาง ตร. จะดำเนินการกับข้าราชการตำรวจที่กระทำผิดกฎหมาย ประพฤติปฏิบัติตนนอกแถว ทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาดอย่างถึงที่สุด.-สำนักข่าวไทย