กทม. 7 มี.ค.-พล.ต.อ.ศรีวราห์ จ่อออกหมายเรียก “เปรมชัย” รับทราบข้อกล่าวหาอาวุธปืนและงาช้าง วันที่ 14 มี.ค.นี้ ยืนยันทำคดีอย่างตรงไปตรงมา
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้ากองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริการ บมจ.อิตาเลี่ยนไทยฯ กรณีร่วมกับพวกนำอาวุธปืนเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี และการครอบครองงาช้างแอฟริกา 2 คู่ ในบ้านพักซอยศูนย์วิจัย ก่อนยืนยันกับสื่อมวลชนว่าตำรวจจะออกหมายเรียกนายเปรมชัย มารับทราบข้อกล่าวหาฐานครอบครองอาวุธปืน โดยผิดกฎหมาย เพราะตรวจสอบแล้วพบว่าปืนที่ยึดได้จากป่าทุ่งใหญ่นเรศวร 6 กระบอก มีปืนประดิษฐ์ขึ้นเอง 1 กระบอก และเป็นปืนที่ถูกดัดแปลงให้สามารถยิงระบบออโต้
ส่วนคดีที่นางคณิณตา วิทยานันท์ ภรรยานายเปรมชัย ถูกเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ แจ้งความข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่าสงวน และสัตว์ป่าคุ้มครอง จากกรณีพบงาช้างแอฟริกาในบ้านนั้น พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกนายเปรมชัย มารับทราบข้อหาเดียวกันเพราะถือว่าการมีงาช้างในบ้านพักโดยเปิดเผยแสดงว่ามีการใช้ร่วมกันประโยชน์ รวมทั้งจะเรียกนางสาววันดี สมภูมิ ผู้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่างานดังกล่าวเป็นงาช้างเลี้ยงซึ่งเป็นสัตว์พาหนะมาแจ้งข้อหาด้วย ซึ่งทั้งคดีปืนและงาช้าง จะนัดให้ผู้ถูกกล่าวหาทุกคนมาพบพนักงานสอบสวนพร้อมกันวันที่ 14 มีนาคม นี้ เวลา 10.00 น.
ขณะที่วันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. ตำรวจ ปทส.จะส่งงาช้างทั้ง 2 คู่ ที่ตรวจยึดได้ให้กรมอุทยานแห่งชาตินำไปเก็บรักษา สื่อมวลชนสามารถมาร่วมสังเกตุการณ์ว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง ส่วนที่ สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่กรมอุทยาน ที่เข้าจับกุมคณะล่าสัตว์ของนายเปรมชัย จะเดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่เกี่ยวกับใครที่มีฐานะจนหรือรวย มั่นใจอัยการจะสั่งฟ้องแน่นอน แต่ไม่รู้ศาลจะพิจารณาโทษอย่างไร ไม่อาจก้าวล่วงได้ สำหรับกรณีที่มีภาพขณะตนเองรับไหว้นายเปรมชัย ยืนยันว่าปฏิบัติกับทุกคนตามปกติ รวยจนไม่มีในกฎหมาย แต่ทุกคนต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ขอให้สังคมสบายใจ สำนวนไม่หลุดแน่นอน พร้อมกับนำภาพที่ตนเองยกมือไหว้ชาวบ้านที่เดินทางมาให้กำลังใจนั้นมาแสดงต่อสื่อมวลชน ว่าเป็นไปตามปกติ ที่บ้านสอนมาเช่นนี้
แต่หากพบว่ามีขบวนการอยู่เบื้องหลังการนำภาพตัวเองไปตัดต่อเปรียบเทียบกับบุคคลที่มีข้อพิพาทกับตนเพื่อให้สาธารณะชนเกิดความเข้าใจผิดก็อาจจะต้องนำดำเนินคดีฐานความผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 116 ตามที่คู่กรณีรายนั้นถูกดำเนินคดีไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย