1 พ.ค. – เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.68) เป็นวันครบรอบ 50 ปี สงครามเวียดนาม ติดตามแง่มุมทางประวัติศาสตร์และเชื่อมโยงปัจจุบันในรายงาน 9 ทันโลก
เวียดนามเฉลิมฉลองวันสำคัญของชาติ วันแห่งการสิ้นสุดสงครามที่โหดร้ายและการล่มสลายของไซง่อน เมื่อคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือยึดเมืองหลวงของเวียดนามใต้ ที่นำไปสู่การรวมชาติเมื่อ 50 ปีก่อน
ทหารและประชาชนร่วมขบวนพาเหรด มุ่งสู่ทำเนียบเอกราช ในอดีตนครไซง่อน ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็นนครโฮจิมินห์ เพื่อเทิดทูนบุคคลที่ชาวเวียดนามยกย่องเคารพในฐานะผู้นำการปฏิวัติ ต่อสู้ และวางรากฐานรวมชาติ บนท้องฟ้าเฮลิคอปเตอร์ติดธงชาติบินวน และเครื่องบินขับไล่ประกาศศักดาให้ชาวเวียดนามร่วมใจเป็นหนึ่ง
นายโตเลิม เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ กล่าวในพิธีว่า หลังจาก 50 ปีแห่งการรวมชาติ และเกือบ 40 ปีของการปฏิรูป เวียดนามได้ก้าวผ่านความยากลำบากและท้าทายมากมาย จนประสบชัยชนะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สร้างชาติให้มั่งคั่ง มีพลังอำนาจ มีบทบาทในเวทีโลกด้วยเกียรติภูมิในวันนี้
ผู้นำเวียดนามกล่าวไว้อย่างถูกต้องด้วยว่า จากประเทศที่ยากจน ล้าหลัง สงครามทำลายล้าง ตกอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรและตัดขาด วันนี้เวียดนามได้กลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังเป็นประเทศรายได้ปานกลาง ที่ผนึกรวมอย่างลึกซึ้งในการเมือง เศรษฐกิจโลก รวมถึงอารยธรรมของมนุษยชาติ
50 ปีที่แล้ว รถถังของกองกำลังคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือพุ่งชนพังประตูทำเนียบประธานาธิบดีในไซง่อน เป็นสัญลักษณ์สำคัญของชัยชนะ พร้อมกับความปราชัยของกองทัพสหรัฐ
สงครามที่ทำลายล้างเวียดนาม คร่าชีวิตประชาชนไปหลายล้านคน นั่นยังรวมถึงทหารอเมริกันอีก 58,000 นาย ที่ถูกส่งไปสกัดกั้นลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่เกรงจะเติบโตขี้นตามทฤษฎีโดมิโน สร้างรอยร้าวในสังคมอเมริกัน กระทบเศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรง
ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ชุมชนใหญ่ชาวเวียดนามมากมายที่หนีจากไซง่อนในวันนั้น ไปตั้งรกรากใหม่ในสหรัฐ กลายเป็นชุมชนทางเชื้อชาติใหญ่ ซึ่งพวกเขาและลูกหลานได้จัดรำลึก 50 ปีกันที่นั่น
สงครามเวียดนามเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองโลก ชาวเวียดนามในประเทศเล็กๆ ได้ยืนหยัดต่อกรกับอำนาจทางการทหารของสหรัฐ การยึดไซง่อนจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่โลกที่มีหลายขั้วอำนาจ กระทบภูมิทัศน์ของโลก
ถึงอย่างไรในการรำลึกสงคราม เวียดนามไม่ได้แสดงความเกลียดชัง รุกไล่โจมตีคู่ศัตรู ผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษ สหรัฐได้สถาปนาความสัมพันธ์การทูตเมื่อ 30 ปีก่อน และกลายเป็นหุ้นส่วนการค้าแข็งแกร่งของเวียดนาม เรียกได้ว่าเมื่อปีที่แล้วความสัมพันธ์อดีตคู่สงครามขึ้นสู่จุดสูงสุด นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนั้น เดินทางเยือน
จนกระทั่งในรัฐบาลใหม่ ความสัมพันธ์สั่นคลอน สหรัฐได้เปิดศึกคุกคามเวียดนาม ด้วยนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้มาตรการภาษี ที่แม้ว่ากำลังเลื่อนออกไป แต่ตัวเลขอัตราภาษี 46 เปอร์เซ็นต์ เป็นอาวุธหนักที่ทำให้มิตรก็ต้องบาดหมาง
ในเวลาเดียวกัน เวียดนามแสดงออกถึงความใกล้ชิดกับมิตรอย่างจีน ซึ่งเคยส่งทหารหลายแสนนายเข้าช่วยรบในสงครามเวียดนาม
รำลึก 50 ปีครั้งนี้ กองทหารจีนกว่า 100 นาย ได้เข้าร่วมพาเหรดที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วย ผู้นำจีนเพิ่งไปเยือนเวียดนาม ตอกย้ำฐานะที่จีนก็กำลังเป็นคู่ค้าและนักลงทุนรายใหญ่ในเวียดนาม สถานการณ์จึงเสมือนกลับมาซ้ำรอยที่สองประเทศกำลังร่วมรบกับศัตรูรายเดียวกันอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย