รัฐสภา 30 เม. ย. – กมธ.ป.ป.ช. เชิญ “สตง.” เข้าแจง ระบุ “ผู้ว่ามาด้วยความสบายใจ” ด้าน “ธีรัจชัย” พุ่งเป้า ‘ออกแบบ-จัดซื้อฯ-คุมงาน’ ถามกลับ ทำไมใช้ระบบเลือกแทนประมูล ใช้ชื่อ บ.คนไทย รับซองงานแทน มอง “คกก.ตรวจสอบก่อสร้าง สตง.” อาจพลาดไม่คุมงานให้ดี ถาม “ผิดพลาดโดยสุจริต ถูกต้องโดยทุจริตหรือไม่”
นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ดพรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมการกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ พร้อมด้วยนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ และนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุมนานกว่า 4 ชั่วโมง กรณีตึก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.แห่งใหม่) ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว
โดยนายฉลาด กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พระผู้แทนราษฎรได้เชิญ ผู้ว่าสตง. พร้อมคณะทั้งหมด 19 คน มาหมดทั้งคณะทำงานที่ตึกใหม่ยังอยู่ไม่ได้ยังอยู่ตึกเก่าอยู่ ซึ่งได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในข้อคลางแคลงใจของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศมีข้อมูลหลั่งไหลมาจากทุกทิศ เช่น ประเด็นที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับตัวบุคคลที่มีการเซ็นรับรองแบบ และ คนที่เซ็นรับรองแต่ไม่ใช่ผู้ควบคุมงาน มีตัวละครซึ่งให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในเอกสารที่มีอยู่ โดยเฉพาะผู้ควบคุมงาน อย่างนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานอนุกรรมการคลินิกช่าง ภายใต้สภาวิศวกร และวุฒิสมาชิก สาขาวิศกรรมสิ่งแวดล้อม ที่บอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมงานในฐานะผู้รับจ้างจาก สตง.
“แต่ทาง สตง.มีข้อเท็จจริงว่า ท่านเป็นหนึ่งในจำนวนผู้ที่มารับจ้าง ในฐานะบริษัทร่วมค้า PKW ท่านต้องเป็นวิศวกรภาคี เป็นผู้อาวุโส ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้ ทางตำรวจได้สอบสวน และทางกรรมาธิการก็เกิดความสงสัย ท่านผู้ว่ามาวันนี้มาด้วยความสบายใจ” นายฉลาดกล่าว
ด้านนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส. พรรคประชาชน กรุงเทพมหานคร ในฐานะกรรมาธิการ ระบุว่า วันนี้เป็นการเข้าชี้แจงของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินครั้งแรก และได้รับคำตอบอย่างชัดเจน สำหรับการก่อสร้างอาคารสำนักงาน สตง. แห่งใหม่นี้ คณะกรรมาธิการได้มุ่งเป้าในการติดตามเพิ่มเติมในสามประเด็น คือ การออกแบบ การจัดซื้อจัดจ้าง การควบคุมงาน สำหรับการออกแบบ คณะกรรมาธิการถามว่าทำไม สตง. ใช้การเลือกแบบเฉพาะ แทนที่จะประมูลแบบก่อสร้างตามมาตรา 83 ของ พ.ร.บ.ประกวดแบบจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่ง ผู้ว่าการฯ ระบุว่าเป็นตึกที่มีความซับซ้อน และมีประกาศของกฎกระทรวงรองรับไว้ สำหรับการจัดซื้อจัดจ้าง คณะกรรมการตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช้ระยะเวลาที่สั้นเพียงแค่ 1 เดือน ในการเลือกแบบก่อสร้าง นอกจากนี้การจัดซื้อจัดจ้างยังใช้ระบบ E-bidding หรือการประมูลงานทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ลดราคาไป 300 ล้านบาทในปี 2563 แต่ในปี 2562 ธนาคารโลกได้สั่งแบรนด์บริษัทแม่ที่รับเหมาก่อสร้างตึกนี้ รวมถึงสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อย่างเช่น สะพานในประเทศชิลี แล้วเกิดเหตุถล่ม ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นข่าวที่แพร่ออกไปทั่วโลก แต่ทำไมยังใช้บริษัทนี้รับเหมาก่อสร้าง อีกทั้งยังมีการจดทะเบียนในประเทศไทยเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น
รวมไปถึงการซื้อซองประมูลโครงการก่อน แต่ภายหลังไม่ทราบว่าเป็นเหตุผลอะไร ตนไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องของผลงานหรือไม่ จนต้องไปใช้ชื่อบริษัทในประเทศไทยที่มีผลงาน มารับซองต่อ เพราะตอนนี้ยังตั้งคำถาม ถึงหน้าที่รับผิดชอบการก่อสร้างหลักว่าเป็นของไทยหรือจีน ซึ่งจากข่าวที่ปรากฏนั้น นายธีรัจชัย ก็เห็นว่าเป็นความรับผิดชอบของบริษัทจีนส่วนใหญ่ แม้ว่าไทยจะถือหุ้นในโครงการ 51% และจีน 49%
ขณะที่ส่วนของการควบคุมงานใช้ระบบในการคัดเลือก ไม่ใช่ E-bidding ซึ่งตนนำความคิดเห็นของนักวิชาการออกมาเสนอในที่ประชุมว่า หากมีการฮั้วของบริษัทออกแบบบริษัทควบคุมงานและบริษัทก่อสร้าง ก็อาจจะมีการแก้ไขแบบโดยนัดแนะกันก่อน จากการสอบถาม เปิดเผยว่ามีการแก้ไขแบบถึง 9 ครั้ง ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ไขแบบก่อสร้างดังกล่าว ถือเป็นการลดต้นทุนจริงหรือไม่ จะมีมีผลกระทบอะไรที่ตามมาบ้าง ผู้ที่แก้ไขมีการสอบถามคณะกรรมการควบคุมงานของ สตง. หรือไม่ รวมถึงการควบคุมงานของวิศวกร ที่มีข่าวออกมาว่าถูกปลอมลายเซ็นออกมานั้น ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องได้รับการตรวจสอบ
นายธีรัจชัย ยังตั้งข้อสังเกตถึงการตรวจสอบวัสดุในการก่อสร้างของคณะกรรมการควบคุมการก่อสร้างจาก สตง. ว่า ถ้ามีการฮั้วจริง สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ แต่ถ้าไม่เกิดก็ไม่เป็นอะไร ซึ่งตนก็มองว่าถ้าเป็นลักษณะนี้ กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การควบคุมงาน การออกแบบ อาจจะยังไม่ละเอียดพอ ซึ่งทั้งหมดที่ตนได้รับการชี้แจงครั้งนี้ อยากจะตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า เป็นการบกพร่องผิดพลาดโดยสุจริตหรือไม่ หรือถูกต้องโดยทุจริตหรือไม่
นายธีรัจชัย ยืนยันว่า การตรวจสอบจะโยงไปถึงเจ้าหน้าที่ของ สตง. และการก่อสร้างทุกขั้นตอน ซึ่งตนอยากจะขอให้สำนักงานคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เข้าไปตรวจสอบภายในเพิ่มเติม เพราะ สตง.ไม่ใช่หน่วยงานรัฐทั่วไป จะใช้ระเบียบทั่วไปไม่ได้ .-สำนักข่าวไทย