รร.เอสซี ปาร์ค 7 เม.ย.- “พรรคเพื่อไทย” ระดมสมอง แกนนำพรรค-สก. ลุย “ปรับกรุง ปรุงใหม่ เพื่อ กทม. แบบไหนที่ใช่คุณ” ด้าน “ทักษิณ” ร่วมเป็นวิทยากรพิเศษ เน้นความสำคัญการทำงาน ลดช่องว่างระหว่างนโยบายกับชีวิตประจำวันของประชาชน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นประธานเปิดการเสวนาและกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ (Policy Workshop) ภายใต้ชื่อ “ปรับกรุง ปรุงใหม่ เพื่อ กทม. แบบไหนที่ใช่คุณ” ซึ่งพรรคเพื่อไทยจัดขึ้น ณ โรงแรมเอสซี ปาร์ค กรุงเทพมหานคร เพื่อรับฟังปัญหาการดำเนินงานและปัญหาในพื้นที่จาก สก. พรรคเพื่อไทย พร้อมร่วมวิเคราะห์ และระดมแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของประชาชนในทุกมิติ โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมกิจกรรมในฐานะวิทยากรพิเศษ พร้อมประธานโซน กทม. นำโดย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม รวมถึง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีต สส.กทม., นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต สส.กทม., นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต สส.กทม., นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายสากล ม่วงศิริ อดีต สส.กทม. เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กชอปเชิงนโยบาย ภายใต้แนวคิด “เจาะปม – ระดมไอเดีย – เจียระไนความคิด – เพื่อชาวกรุง” ในช่วงเช้า และกิจกรรม “Policy Workshop” ที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์ปัญหาอย่างรอบด้าน ก่อนจะสรุปแนวทางแก้ไขอย่างสร้างสรรค์และตรงจุด พร้อมให้ข้อมูลแนวทางการแก้ไขปัญหาในระดับชุมชน การกระจายทรัพยากรและการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยนายทักษิณ ในฐานะวิทยากรพิเศษ กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมกระตุ้นให้ทุกคนปรับตัวให้ทันกับความท้าทายของเมืองใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างนโยบายกับความเป็นจริงในชีวิตประจำวันของประชาชน ทั้งยังสนับสนุนการนำทฤษฎี 3E (Education Engineering Enforcement) เพื่อใช้แก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งสนับสนุนให้นโยบายรถ Feeder เอื้ออำนวยประชาชนในการใช้ขนส่งสาธารณะประสบความสำเร็จอีกด้วย
ขณะที่นายสรวงศ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการ ‘Re-Unite’ ของครอบครัวผู้ทำงานเพื่อประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร มาร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาแต่ละเขต รวมถึงอุปสรรคที่ทีม สก. พบเจอในภาคสนาม เพื่อเชื่อมโยงนโยบายของพรรคกับการปฏิบัติจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อยากให้ทุกท่านเปิดใจและแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ เพื่อปรับวิธีการทำงานให้ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของคนกรุงได้อย่างแท้จริง
“พรรคเพื่อไทยพร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนและนำข้อวิพากษ์วิจารณ์มาปรับปรุงการทำงาน พร้อมเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมทุกคนทุ่มเทในการทำเวิร์กชอป เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดแผนแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว
สำหรับกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ (Policy Workshop) ภายใต้ชื่อ “ปรับกรุง ปรุงใหม่ เพื่อ กทม. แบบไหนที่ใช่คุณ” มีการนำเสนอผลงานและข้อเสนอจากประธานโซน กทม. ทั้ง 4 โซน จากการลงพื้นที่จริง พร้อมถอดบทเรียนจากประสบการณ์ในการทำงานกับชุมชน อาทิ การกระจายอุปกรณ์แพทย์และยาอย่างทั่วถึง การส่งเสริมกิจกรรมสันทนาการเพื่อคนทุกวัย ตลอดจนการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในด้านสุขภาพและการคมนาคม โดยทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า การสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับประชาชน และการประเมินผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เกิดการปรับแผนการทำงานได้ทันท่วงทีและสอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง

โดยโครงการที่เริ่มดำเนินไปแล้ว อาทิ การปรับปรุงลานกีฬาชุมชน ซึ่งเปลี่ยนลานเก่าและพื้นที่ว่างในชุมชนให้เป็นลานกีฬาและพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัย ส่งเสริมสุขภาพและกิจกรรมสร้างสรรค์ในย่านต่างๆ การขยายระบบ Telemedicine เพื่อใช้เทคโนโลยีทางไกลในการให้คำปรึกษาทางการแพทย์เบื้องต้น อำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เดินทางลำบากหรืออยู่ห่างไกลโรงพยาบาล ตู้ห่วงใย (Health Station) ที่ติดตั้งจุดบริการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐานในชุมชน เพื่อลดภาระของโรงพยาบาลหลักและให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพ จุด Standby รถพยาบาลฉุกเฉิน ซึ่งช่วยให้การช่วยเหลือรวดเร็วขึ้น โดยเพิ่มจุดสแตนด์บายตามจุดเสี่ยงและถนนสายสำคัญ รวมถึงการปรับปรุงทางเท้าและขุดลอกคูคลอง เพื่อแก้ปัญหาทางเท้าชำรุดและการระบายน้ำ รองรับฤดูฝน ลดความเสี่ยงน้ำท่วมขังและอุบัติเหตุในพื้นที่
งานในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือน “จุดเริ่มต้น” ของการนำแนวคิด “ปรับกรุง ปรุงใหม่ เพื่อ กทม.ที่ใช่สำหรับทุกคน” มาสู่การปฏิบัติจริงอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้กรุงเทพฯ ก้าวไปข้างหน้า และกลายเป็นเมืองที่เหมาะสมกับคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง โดยพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะมุ่งหน้ารับฟังเสียงของประชาชน และทำงานเคียงข้างพี่น้องชาวกรุงเทพฯ อย่างไม่หยุดยั้ง.-316-สำนักข่าวไทย