26 ก.พ. – สืบภาค 1 บุกจับซิมบ็อกซ์ลอบติดตั้งในห้องพักคอนโดฯ ย่านบางซ่อน พบชื่อคนจีนเป็นเจ้าของ ตรวจสอบไบโอเมทริกซ์ไม่พบประวัติเคยเข้าไทย
ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 1 พร้อมด้วยตำรวจ สน.เตาปูน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 1 นำหมายค้น เข้าตรวจค้นห้องเลขที่ 312 คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งภายในซอย กรุงเทพ-นนท์ 23/1 หลังมีผู้เสียหายถูกหลอกโดยการแอบอ้างข่มขู่ว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้โอนเงินไปตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไป เป็นจำนวน 180,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนสอบสวนจนพบว่าสัญญาณโทรศัพท์นั้นมาปรากฏอยู่ที่คอนโดแห่งนี้
ชุดสืบสวนจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา จากการเข้าค้นพบ เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (gsm gateway) หรือซิมส์บ็อกซ์ จำนวน 3 เครื่อง ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดได้ 32 ช่อง/เครื่อง โมเด็มต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต จำนวน 1 เครื่อง กล้องวงจรปิด จำนวน 1 ตัว ซึ่งภายในห้องดังกล่าวไม่พบตัวผู้ต้องหาแต่พบกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์ต่างๆ ยังคงทำงานอยู่ โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปภายในห้องคาดว่าทางผู้ต้องหาน่าจะเห็นผ่านกล้องวงจรปิดจึงได้ทำการตัดสัญญาณเครื่องซิมบ็อกซ์ทันที

จากการสืบสวนพบว่า ห้องดังกล่าว มีชาวจีนเป็นเจ้าของห้อง โดยให้คนไทยเป็นนอมินีในการทำสัญญาการซื้อขายคอนโดมิเนียม เช่าได้ประมาณ 2-3 เดือน โดยไม่มีใครอาศัยอยู่ห้องนี้แต่จะมีการสังเกตการณ์ผ่านกล้องวงจรปิด หากพบว่าซิมบ็อกซ์มีปัญหาก็จะส่งโปรแกรมเมอร์เข้ามาดูแล ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวมีความผิดฐาน “ร่วมกันทำ มีใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต”
เมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หรือ พฐ.เข้าเก็บหลักฐานภายในห้องดังกล่าว เช่น ดีเอ็นเอลายนิ้วมือแฝงบนอุปกรณ์ต่างๆ จากนั้นจะส่งลายนิ้วมือแฝงทั้งหมดตรวจประวัติอาชญากร หากพบว่ามีประวัติจะออกหมายจับทันที โดยหลังจากตรวจสอบได้นำของกลาง และวัตถุพยานทั้งหมดส่งที่ สน.เตาปูน ที่เป็นเจ้าของพื้นที่
ทั้งนี้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้นำคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อข้อมูลสารสนเทศ หรือ ระบบไบโอเมทริกซ์ (Biometric) ตรวจสอบเจ้าของห้องกับนิติบุคคล พบว่าคนจีนเจ้าของห้องไม่ได้เดินทางเข้าออกประเทศไทยแม้แต่ครั้งเดียว และสำเนาหนังสือเดินทางมีข้อมูลไม่ตรงกัน จึงเชื่อว่าคนจีนดังกล่าวใช้เอกสารปลอมให้การซื้อขายห้อง ที่นำมายื่นต่อกรมที่ดิน และการไฟฟ้านครหลวง แต่ต้องไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งกับกรมที่ดิน
ด้านตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบพฤติกรรมชาวต่างชาติลักลอบเปิดห้องพักในคอนโดมิเนียมให้เช่าเป็นที่พักคล้ายกับโรงแรมแบบรายวันและรายเดือน ในเมืองหลวงหรือเมืองท่องเที่ยว ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว สร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของห้องพักที่มาซื้อห้องอยู่ และต้องการความเป็นส่วนตัว โดยประเด็นนี้พบหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตรวจสอบคือกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ตำรวจและนิติบุคคลไม่มีอำนาจในการดำเนินการ เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กรมการปกครองมีอำนาจที่จะตรวจสอบผ่านพระราชบัญญัติโรงแรมและระเบียบกรมที่ดิน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ แต่ก็พบว่าระเบียบและข้อบังคับดังกล่าวออกมาตั้งแต่ปี 2555 หรือกว่า 10 ปีที่แล้วส่วนนี้จึงอาจจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน.-416-สำนักข่าวไทย