กรุงเทพฯ 20 ธ.ค. – ราคาหุ้น บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ร่วงหนัก โดยเวลา 10.43 น.ร่วง 5.25 บาท มาที่ 29.75 บาท หลัง “บอร์ดไทยออยล์” ไฟเขียวเพิ่มงบประมาณโครงการพลังงานสะอาด (CFP) 63,028 ล้านบาท และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 17,922 ล้านบาท เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 21 ก.พ.68 โดยงบก่อสร้างก่อนเพิ่มเงินอยู่ที่ประมาณ 5,375 ล้านดอลลาร์
บล.กรุงไทยเอ็กซ์สปริง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของไทยออยล์ รายงานว่า บอร์ดไทยออยล์อนุมัติให้ลงทุนเพิ่ม และมีดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างนี้เพื่อใช้ในการก่อสร้าง ซื้อวัสดุอุปกรณ์ส่วนที่เหลือ ค่าที่ปรึกษาและอื่นๆ เงินลงทุนจะมาจาก 1) ออกหุ้นกู้และ/หรือกู้ยืมธนาคาร 2) การแสเงินสดภายในบริษัท จึงเห็นว่าการเพิ่มเงินลงทุนใน CFP มีความเหมาะสม โดยโครงการนี้ CFP มีความล่าช้าจากแผนเพราะ Covid และปัญหาทางการเงินของผู้รับเหมาหลัก แต่ก็ได้เปิดดำเนินการไปบางส่วน คือ หน่วยกำจัดกำมะถันในน้ำมันดีเซลที่ 4 ทันนโยบาย Euro 5 ของภาครัฐเมื่อต้นปี 2567 พอดี TOP เห็นว่าถ้าดำเนิน CFP ต่อให้แล้วเสร็จ จะเป็นผลดี กำลังการกลั่นจะเพิ่มจาก 275,000 บาร์เรล/วัน เป็น 400,000 บาร์เรล/วัน มี economy of scale มีเทคโนโลยีทันสมัย กลั่นน้ำมันได้หลากหลาย มีมูลค่าสูงและสะอาด แต่หากไม่ดำเนินการต่อ อาจประสบปัญหาเรื่องขีดความสามารถในการกลั่นเพราะบางหน่วยกลั่นมีอายุกว่า 60 ปี อาจมีปัญหาด้านการแข่งขัน และเทคโนโลยีปัจจุบันอาจไม่สามารถกลั่นน้ำมันที่มีคุณภาพสูงได้
ทั้งนี้ หากผู้ถือหุ้น ไม่อนุมัติให้ลงทุนต่อ บริษัทจะเร่งรัดให้ผู้รับเหมาหลักจ่ายเงินผู้รับเหมาช่วง, นำเงินที่อาจเรียกเก็บจากผู้รับเหมาหลัก (ถ้ามี) มาก่อสร้างต่อตามสัญญา หรือถ้าเก็บเงินไม่ได้ อาจขายอุปกรณ์ เศษซาก บางส่วนออกไป และอาจตั้งด้อยค่าและตัดจำหน่ายสินทรัพย์ตามมาตรฐานบัญชี ซึ่งอาจส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่องบฯ เพราะ CFP เป็นโครงการใหญ่ มูลค่าเงินลงทุนทั้งโครงการ 1.6 แสน ลบ. คิดเป็น 40% ของ total asset ของ TOP
บล.กรุงศรี มอง Negative ต่อแนวโน้มต้นทุนโครงการ CFP ที่จะเพิ่มขึ้นราว 33% หรือราว 1,776 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อรวมกับดอกเบี้ยจ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างที่ล่าช้าไปอีกราว 3 ปี จะเป็นมูลค่าลงทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดราว 8.1 หมื่น ลบ. ซึ่งจะกระทบราคาเป้าหมายเบื้องต้นราว -36 บาท โดยมูลค่าเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นจะ capitalized เป็นต้นทุนโครงการทั้งหมดไม่มีด้อยค่าฯ ผ่านงบกำไรขาดทุน ทั้งนี้ บล.กรุงศรี อยู่ระหว่างปรับลดประมาณการและคำแนะนำของ TOP แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนจากผลตอบแทนโครงการ CFP เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ การเพิ่มเงินลงทุน CFP จะต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น (เสียง 3 ใน 4 ของผู้เข้าร่วมประชุม) ซึ่งจะจัดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เบื้องต้น คาดโครงการ CFP จะทยอย COD แต่ละหน่วยไปจนถึงไตรมาส 3/2571 ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าแผนเดิมที่จะทยอย COD ภายใน 2568. -511-สำนักข่าวไทย
