fbpx

ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก คดี “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญา 4 ก.ค. – ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์นัดแรกคดี “แอม ไซยาไนด์” มีมารดา “ก้อย” ผู้เสียชีวิต ขึ้นเบิกความเป็นพยานปากแรก


ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้นัดพิจารณาสืบพยานฝ่ายโจทก์ในคดีการเสียชีวิตของก้อย หรือ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ ซึ่งมีนางสรารัตน์ รังสิตวุฒาภรณ์ หรือแอม ไซยาไนด์ เป็นจำเลยที่ 1, พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ เป็นจำเลยที่ 2  และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือทนายพัช เป็นจำเลยที่ 3 โดยในวันนี้ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความฝ่ายผู้เสียหาย ได้เดินทางมาที่ศาลพร้อมกับแม่ของก้อย และนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดีแอม ไซยาไนด์ 

โดยทนายเดชา เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการสืบพยานโจทก์นัดแรก ซึ่งมีแม่ของคุณก้อยเป็นพยานปากแรกของฝั่งตน โดยรวมฝั่งโจทก์เบิกพยานบุคคลจำนวน 89 ปาก มีทั้งนักวิชาการ ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน รวมทั้งวัตถุพยานต่าง ๆ ซึ่งศาลนัดสืบพยานฝั่งโจทก์จำนวน 20 นัด


ส่วนตัวมั่นใจการทำงานของตำรวจที่นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ดูแลคดีในขณะนั้นและพนักงานอัยการ รวมถึงพยานหลักฐานต่าง ๆ ในสำนวนที่มีจำนวนหลายแฟ้ม ก็เชื่อมั่นว่า จำเลยไม่น่ารอด เพราะว่าพยานหลักฐานค่อนข้างมัดแน่น เริ่มตั้งแต่ประเด็นการสั่งซื้อสารไซยาไนด์และนำสารไซยาไนด์ไปใช้ รวมทั้งพบสารไซยาไนด์ในรถของแอมและศพก้อย รวมถึงขวดสารไซยาไนด์ พยานแวดล้อมต่าง ๆ ที่ยืนยันสอดคล้องตรงกันและคลิปวงจรปิดที่แน่นหนาพอสมควรในการเอาผิดจำเลย

ส่วนที่ทนายพัชได้ยื่นเรื่องตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ต่อพนักงานอัยการ จะมีผลต่อคดีหรือไม่ ทนายเดชา ระบุว่า พ.ร.บ.อุ้มหาย กับคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน เท่าที่ตนจำได้ตอนที่ยังไม่ส่งฟ้อง ทนายพัชเคยยื่นคำร้องดังกล่าวแก่ศาลแล้ว แต่ศาลยกคำร้องและให้ไปว่ากล่าวกันต่างหาก ดังนั้น ประเด็นตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งคดีนี้มีประเด็นเดียวคือ แอมวางยาพิษก้อยและชิงทรัพย์หรือไม่ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่เป็นตำรวจและสามีของแอมนั้น จะมีส่วนในการทำลายพยานหลักฐานเพื่อช่วยแอมหรือไม่ ส่วนจำเลยที่ 3 ก็คือทนายพัช มีประเด็นว่า ได้เป็นคนใช้ให้จำเลยที่ 2 หรือสามีของแอมทำลายหลักฐานหรือไม่ เนื่องจากมีแชทการสนทนาที่ระบุว่า ถ้าไม่มีพยานหลักฐาน คดีหลุด ศาลยกฟ้องได้

สำหรับประเด็นที่ทนายพัชต่อสู้ว่า ตำรวจจับกุมแอมโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น ไม่น่าจะมีผลต่อรูปคดี เนื่องจากในนัดตรวจพยานก่อนหน้านี้ แอมยอมรับสารภาพว่า ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมโดยชอบและมีหนึ่งในจำนวนพยานบุคคลที่ยอมรับในประเด็นนี้


ด้านแม่ของก้อย ระบุว่า ตนรู้สึกอุ่นใจที่มีทีมทนายความ เข้ามาให้การช่วยเหลือทางคดี ส่วนตัวยังเชื่อมั่นในความยุติธรรม เพราะมีทั้งทีมทนายความและคุณรพีมาให้การช่วยเหลือ รวมทั้งมีคนให้กำลังใจจำนวนมาก ตนจึงมั่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรม ส่วนที่ทนายพัชเคยพูดไว้ว่ามั่นใจว่าแอมจะหลุดจากคดีนี้ คุณแม่บอกว่า ตนเองไม่กังวล ยังมีความมั่นใจในเรื่องทางคดี อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงศาลตั้งแต่เช้าก็ได้ขอให้ก้อยดลบันดาลช่วยให้คดีนี้สำเร็จและตนก็เชื่อว่า ก้อยยังไม่ไปไหน ยังอยู่เคียงข้างตนเสมอ ส่วนได้มีการพูดคุยอะไรกับแอมไหมก่อนหน้านี้ แม่บอกว่า เคยคุยกับแอมตั้งแต่แรกว่าให้รับสารภาพ แต่แอมก็ไม่รับสารภาพและไม่คุยอะไรกับตนเลย อีกทั้งยังมีสีหน้าเรียบเฉยใส่ตน มองว่าตัวแอมเองยังไม่มีท่าทีที่จะสำนึก

ด้านนายรพี เปิดเผยว่า ตนขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ยังไม่ลืมคดีนี้ ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตเป็นการทั่วไปว่าการที่ทนายความบอกให้ลูกความทำลายพยานหลักฐาน โดยอ้างว่า หากไม่มีของกลาง แล้วศาลจะยกฟ้องนั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดมรรยาททนายความและจริยธรรมของทนายความหรือไม่ ทั้งที่โดยหน้าที่ของทนายความทั่วไป ควรจะต้องช่วยกันสืบหาความจริงและช่วยต่อสู้ให้เขาได้รับโทษตามความสมควร รวมทั้งอยากฝากถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องว่า “พายเรือให้โจรนั่ง ก็ได้รับกรรมเช่นเดียวกัน” โดยตนมั่นใจว่าในสิ่งที่เขาทำนั้น เวรกรรมต้องถึงแน่ กฎหมายจะเอื้อมไปอย่างไร ตนไม่อาจทราบได้ ตนขอไม่ก้าวล่วงอำนาจศาล ซึ่งศาลจะพิจารณาอย่างไร ก็น้อมรับ

ต่อมาทนายพัช ได้เดินทางมายังศาลอาญา เพื่อร่วมนัดสืบพยานนัดแรกคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย โดยทนายพัชได้เดินทางมาพร้อมกับทีมทนายความมากถึง 7 คน ซึ่งทางทนายพัช เปิดเผยว่า ตนมีความพร้อมในคดีนี้มานานแล้ว ซึ่งระยะเวลาที่ศาลนัดพิจารณาคดีนั้น อาจจะช้าไปนิดหนึ่ง เลยอาจจะไม่ทันใจหลาย ๆ คน ซึ่งยืนยันว่า วันนี้ตนเตรียมพร้อมทางคดีอย่างเต็มที่ โดยดูได้จากทีมทนายความที่มาพร้อมกับตน ซึ่งฝั่งตนได้เบิกพยานบุคคลประมาณ 10 กว่าปากได้ ในจำนวนนี้ทนายพัชอ้างว่า ได้เชิญพยานบุคคลที่มีชื่อเสียงมาให้การในชั้นศาลด้วย เช่น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และกรรชัย กำเนิดพลอย ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาสืบพยานถึงช่วงเดือนกันยายน ส่วนเรื่องผลทางคดีนั้น ตนขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน พวกตนและทีมทนายความ มีหน้าที่เพียงนำเสนอข้อเท็จจริงอีกมุมมองหนึ่งที่ทางโจทก์ไม่ได้นำเสนอให้ศาลให้เห็น ซึ่งจะมีประเด็นอะไรบ้าง ตนขอสงวนไว้เพื่อเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาล แต่อาจจะเป็นเรื่องของกล้องวงจรปิดหรือเรื่องของความสัมพันธ์ต่าง ๆ

สำหรับประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่า ทนายพัชมีส่วนร่วมในการให้ฝั่งจำเลยทำลายพยานหลักฐานนั้น ทนายพัชยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและบอกอีกว่า หน้าที่ของทนายความนั้นอยู่ภายใต้ข้อจำกัดตามกรอบของกฎหมาย แต่ตนมองว่า ก็มีอะไรบางอย่างอยู่ในกระบวนการที่ทำให้แอมรับสารภาพเช่นเดียวกัน

ส่วนประเด็นเรื่องของ พ.ร.บ.อุ้มหาย ที่ทนายพัชเคยเอามาพูดนั้น ทนายพัชระบุว่า การจับกุมนั้นแม้จะเป็นการจับกุมโดยมิชอบ แต่ไม่ได้ทำให้กระบวนการสอบสวนเสียไป พนักงานอัยการยังคงมีอำนาจฟ้องคดีตามปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็ได้ดำเนินการตามเรื่องของ พ.ร.บ.อุ้มหายไปแล้วและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ

สำหรับก่อนหน้านี้ที่ทนายพัชเคยให้สัมภาษณ์บอกว่า คดีนี้เสร็จแน่ ทนายพัชชี้แจงว่าจริง ๆ แล้วหมายความว่า คดีนี้นั้นเสร็จทีมทนายความของตน อีกทั้งประเด็นที่ตนถูก กล่าวหาว่าออกมาพูดชี้นำคดีนั้น ตนขอไม่ออกความเห็นในเรื่องนี้อีก แต่ที่ตนได้พูดไปก่อนหน้านี้นั้น ตนมองในภาพรวมเท่านั้น

ด้านนายภูดิท โทณผลิน ทนายความให้กับทนายพัช เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทนายพัชได้ทำหน้าที่ทนายความตามหลักวิชาชีพในการให้คำแนะนำแก่จำเลยในการปฏิเสธ เพราะจริง ๆ แล้วจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ว่ารายละเอียดของทางคดีนั้น ต้องสืบพยานไปสักพักก่อน แล้วภายใน 1-2 สัปดาห์ ก็จะรู้แนวทางการต่อสู้ว่าควรจะต่อสู้อย่างไร.-412-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ชายแดนแม่สายยังเละจมโคลน จับตาพายุลูกใหม่

แม้จะผ่านน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้ชายแดนแม่สายยังเต็มไปด้วยความเสียหายและดินโคลนจำนวนมาก ชาวบ้านหลายคนยังไม่สมารถกลับเข้าบ้านได้

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ขณะที่ “เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ” ให้กำลังใจทำหน้าที่ได้เต็มที่-ประสบความสำเร็จ

พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนตกหนัก 76 จังหวัด 19-23 ก.ย.

พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ หัวพายุส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนแล้ว ช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.67 มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 76 จังหวัด