สระบุรี 16 มิ.ย.-น่าเวทนา พ่อแม่ปล่อยลูกวัย 1 ขวบ 7 เดือน ดื่มน้ำกระท่อม-ดูดบุหรี่ไฟฟ้า แม่อ้างลูกหยิบไปดูดเองไม่ได้บังคับ ถ้าไม่ให้ดูดลูกจะร้องงอแง ส่วนที่ถ่ายคลิปลงโซเชียลเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสระบุรี และตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังหนึ่งใน หมู่ 7 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี เพื่อตรวจสอบกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนมายังเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอให้มาช่วยเหลือเด็กชาย วัยเพียง 1 ขวบ 7 เดือน ถูกพ่อ-แม่ บังคับให้กินน้ำกระท่อม และดูดบุหรี่ไฟฟ้าทั้งวัน จนติดงอมแงม หากวันไหนไม่ได้ดูดจะร้องงอแง ซ้ำแม่เด็กยังถ่ายคลิปโชว์ลงโซเชียล แบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นที่เวทนากับชาวบ้านที่พบเห็นอย่างมาก เบื้องต้น จากการพูดคุยจากคนในครอบครัว และชาวบ้าน จนได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า มีการปล่อยปะละเลยให้ เด็กทารกวัยเพียง 1 ขวบ 7 เดือน ดูดบุหรี่ไฟฟ้าจริง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ ได้เชิญตัวแม่และยายของเด็กมาสอบสวนที่ สภ.เมืองสระบุรี เบื้องต้น น.ส.เอ อายุ 17 ปี แม่เด็ก บอกว่า ลูกชายดูดบุหรี่ไฟฟ้าตามคลิปที่ปรากฏจริง โดยเริ่มดูดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตอนนั้นลูกอายุได้ 1 ขวบ 2 เดือน แต่ยืนยันว่าเป็นการดูดโดยสมัครใจ ไม่ได้มีการบังคับลูกหยิบไปดูดเอง หากครั้งไหนไม่ให้ดูดลูกจะร้องงอแง จึงไม่รู้ว่าจะทำยังไง ต้องยอมให้ดูด ส่วนที่ถ่ายคลิปลงโซเชียลนั้น เป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ด้านยายของเด็ก อายุ 37 ปี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เคยตักเตือนลูกสาวไปหลายครั้งแล้ว ในเรื่องที่ให้หลานดูดบุหรี่ไฟฟ้า หลังจากนี้จะรับเอาหลานชายมาเลี้ยงดูเอง จะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว
ทั้งนี้ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สระบุรี ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ได้เข้าร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี ให้ดำเนินคดีกับแม่เด็กในความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยัง เตรียมขยายผลหาต้นตอว่าแม่เด็กซื้อบุหรี่ไฟฟ้ามาจากที่ใด หากพบแหล่งจำหน่าย ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วน เด็ก เจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก แยกเด็กไปดูแล และจะพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด ว่าได้รับผลกระทบจากการดูดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างไรบ้าง เพื่อเตรียมการรักษาต่อไป และจะมีทีมสหวิชาชีพ ลงพื้นที่ไปดูสภาพความเป็นอยู่ที่บ้านของเด็ก เพื่อประเมินความพร้อมการเลี้ยงเด็กในอนาคต หากครอบครัวยังไม่สามารถดูแลได้ ทาง พม.ก็จะเป็นรับเด็กมาผู้ดูแลเอง.-สำนักข่าวไทย