ตั้งกก.สอบ 60 วันก่อนฟันธงด้านวินัยตร.

รัฐสภา 3 เม.ย.-“บิ๊กต่าย” พบนายกฯ รายงานความคืบหน้าปราบอาชญากรรมต่าง ๆ ขั้นตอนพิจารณากรณี “บิ๊กโจ๊ก” ยันทำตามกฎ ก.ตร. ยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ตั้งกก.สอบวินัย 60 วันก่อนฟันธง ขอสื่อแยกเรื่องอาญากับวินัย ย้ำไม่ได้ยื้อเวลา


พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่อาคารรัฐสภา ว่า มารายงานความคืบหน้าการสืบสวนปราบปรามจับกุม ความผิดและนโยบายตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ทั้งเรื่องยาเสพติด การพนันออนไลน์ บ่อนการพนัน การทวงหนี้นอกระบบ รวมถึงรายงานขั้นตอนกระบวนการการพิจารณากรณีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังจากที่ศาลอนุมัติออกหมายจับและได้รับการประกันตัววานนี้ (2 เม.ย.)

ส่วนจำเป็นจะต้องให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทุกอย่างมีกระบวนการ ขั้นตอนพิจารณา จะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เลยไม่ได้ เพราะมีกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติ ต้องแยกเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยยังรับเงินเดือน เงินพิเศษเงินประจำตำแหน่ง สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากต้นสังกัด ดังนั้น เมื่อตนยังเป็นผู้บังคับบัญชาของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตามกฎหมาย การพิจารณาเรื่องวินัยจึงเป็นหน้าที่ของตน


พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตามขั้นตอนจะต้องได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนของนครบาล 1 ฉบับ ซึ่งขณะนี้ยังไม่รายงานเข้ามา อีกหนึ่งฉบับ คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องมารายงานตัวเรื่องการต้องคดี ซึ่งทั้งสองฉบับเป็นไปตามระเบียบตำรวจ ไม่เกี่ยวกับคดี เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานทั้งสองฉบับจะรายงานไปที่กองคดีอาญา ขณะเดียวกันกองวินัยก็จะต้องรายงานมาที่ตนด้วย โดยพิจารณารายงานทั้ง 2 ฉบับที่ประกอบไปด้วยเหตุแห่งพฤติการณ์ ความรุนแรงแห่งคดีนำมาประกอบการพิจารณา  ต่อไป

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สำหรับการพิจารณาต้องดูว่ามีเหตุอันควรควรสงสัยว่ากระทำผิดวินัยหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีขั้นตอน และเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาคือตนต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและให้โอกาสผู้สืบสวนข้อเท็จจริงชี้แจง ในขั้นตอนกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงจะยังไม่พิจารณาเรื่องการพักราชการ ออกราชการหรือสำรองราชการไว้ก่อน เพราะเป็นการปฏิบัติภายใต้กฎ ก.ตร. ที่กำหนดไว้ การสืบสวนข้อเท็จจริงจะต้องใช้ระดับไม่ต่ำกว่ายศของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งตนต้องพิจารณาว่าจะมอบหมายใคร ตอนนี้ยังไม่ถึงกระบวนการนั้น

“แต่หากการสอบสวนข้อเท็จจริง ผิดวินัยร้ายแรง จะเข้าบทบัญญัติมาตรา 119 ในพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติที่ต้องตั้งกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัย เป็นการพิจารณาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจะพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขกฎ ก.ตร.หรือไม่ เข้าองค์ประกอบกฎหมายตำรวจหรือไม่ ผมจะไม่ใช้ดุลพินิจที่นอกเหนือไปจากตรงนี้ว่าจะต้องให้พัก ให้ออก หรือสำรองราชการหรือไม่ เป็นการให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงด้วย อยากให้ทุกคนแยกระหว่างคดีอาญากับเรื่องวินัย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว


ส่วนจะนำเรื่องศาลอนุมัติหมายจับมาประกอบการพิจารณาหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า จะนำทุกอย่างมาประกอบการพิจารณา ณ เวลานี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังต้องปฏิบัติราชการอยู่ตามปกติ ต้องให้ความเสมอภาคและความเป็นธรรมกับข้าราชการทุกคนเท่าเทียมกัน การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบมีระยะเวลา 60 วัน สามารถขอขยายระยะเวลาได้ตามความเหมาะสม  ไม่ว่าจะเป็นชั้นยศใดต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ระเบียบและคำสั่งซึ่งข้าราชการตำรวจทุกคนต้องปฏิบัติตามนั้น

“ยืนยันว่าไม่ใช่การยื้อเวลา ขออย่าใช้คำนี้ เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนที่กำหนดเอาไว้ชัดเจน เราต้องให้ความเสมอภาคเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เมื่อวานนี้(2 เม.ย.) พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ บอกว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็ต้องพิสูจน์ตนเอง” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ

เมื่อถามย้ำถึงข้อสังเกตว่าเปลี่ยนรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทยและเด้ง 2 นายตำรวจใหญ่ อาจถูกมองกวาดล้างขั้วอำนาจเก่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ไม่ขอตอบเรื่องนี้ ไม่ตอบโต้ประเด็นข่าวสารที่ถูกพาดพิง ขอทำงานเดินหน้าให้เกิดความสงบร่มเย็นกับประชาชน ไม่มีอะไรหนักใจ อยากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผลสะท้อนกลับไปสู่ประชาชน มีความปลอดภัย ลดความหวาดระแวง ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นและศรัทธาตำรวจโดยอัตโนมัติ มุ่งมั่นจะกวาดล้างภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้สะอาด

“วันนี้มาพบนายกรัฐมนตรี เพื่อจะรายงานสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะขับเคลื่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าบ่อนการพนันต้องไม่มีการพนันออนไลน์ต้องหายไป แก๊งทวงหนี้ที่ทำผิดกฎหมายต้องถูกจับกุม เรื่องยาเสพติดต้องปราบปราม และถ้าพบว่าข้าราชการตรงไหนเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอน ตอนนี้อยากให้ทุกคนมุ่งหน้าไปสู่การทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ไม่เกิดความหวาดระแวงกับสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้”  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

ฉายารัฐบาลปี67

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี 67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” ฉายานายกฯ “แพทองโพย” ด้าน 7 รัฐมนตรีติดโผ “บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี” พ่วง 3 รัฐมนตรีโลกลืม ส่วนวาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”

เลือกตั้ง อบจ.อุบลฯ

“กานต์ กัลป์ตินันท์” ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ

“กานต์ กัลป์ตินันท์” ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี พร้อมขอบคุณคนเสื้อแดง และนายทักษิณ ชินวัตร ที่ช่วยผลักดัน

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน