รัฐบาลเร่งจัดการหนี้ทั้งระบบ 

ทำเนียบฯ 12 ธ.ค. – นายกรัฐมนตรี ย้ำแก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบให้จบภายในรัฐบาลนี้ ห่วงหนี้บัตรเครดิตอาการหนัก 67,000 ล้านบาท ดึง ธ.ก.ส. ออมสิน สางหนี้ครู-ตำรวจ 


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวจัดการหนี้ทั้งระบบ โดยมีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีร่วมแถลง

 “ปัญหาโควิด -19 กระทบไปหลายส่วน ทำให้หนี้ครัวเรือนสูงถึงร้อยละ 90 GDP มูลหนี้ 16 ล้านล้านบาท หนี้บัตรเครดิต 5.4 แสนล้านบาท เริ่มมีอาการหนัก 67,000 ล้านบาท  นับว่าหนี้ในระบบ มีปัญหาไม่แพ้กับหนี้นอกระบบ ทั้งหนี้สินล้นพ้นตัว  บางรายเป็นหนี้เสียคงค้างเป็นเวลานานจนขาดโอกาสในการประกอบอาชีพ ดังนั้น การดูแลลูกหนี้ในระบบที่ประสบปัญหาจึงถือเป็นวาระแห่งชาติเช่นเดียวกัน  เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว  รัฐบาลไม่สามารถปล่อยให้ลูกหนี้ที่ประสบปัญหานี้เผชิญปัญหาอยู่อย่างลำพัง   เพื่อให้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของกลไกทางเศรษฐกิจแข็งแรง” นายกรัฐมนตรี กล่าว 


รัฐบาลได้แบ่งกลุ่มลูกหนี้ในระบบที่ประสบปัญหา ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 คือ  ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มที่ 2 คือ  กลุ่มที่มีรายได้ประจำ แต่มีภาระหนี้จำนวนมาก จนเกินศักยภาพในการชำระคืนหนี้ กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน  ทำให้การชำระคืนหนี้ไม่ต่อเนื่อง และกลุ่มที่ 4 คือ กลุ่มที่เป็นหนี้เสียคงค้างเป็นระยะเวลานาน ซึ่งทุกกลุ่มที่ตนเองกล่าวไปทั้งหมด มีข้อสังเกตที่เหมือนกันอย่างนึงว่า ลูกหนี้ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้จนกลายเป็นหนี้เสีย เมื่อเป็นหนี้เสียก็ถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยปรับเพิ่ม และวนกลับไปทำให้ชำระไม่ไหวอีก วงจรแบบนี้ส่งผลให้ติดเครดิตบูโร ไม่สามารถขอสินเชื่อในระบบต่อได้  หรือบางรายที่ค้างชำระเป็นเวลานาน  ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย แม้ว่าลูกหนี้ทุกกลุ่มจะมีสภาพปัญหาคล้ายกัน แต่ต้นตอของปัญหานั้นต่างกัน ดังนั้น รัฐบาลจึงเตรียมแนวทางช่วยเหลือที่แตกต่างกันตามสาเหตุของปัญหา เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม ดังนี้

ลูกหนี้กลุ่มที่ 1 คือ  กลุ่มเอสเอ็มอี ประมาณ  3 ล้านราย เคยมีประวัติการชำระหนี้ดี   เมื่อได้รับผลกระทบจากโควิด-19   ทำให้ธุรกิจต้องสะดุดหยุดลง  ขาดสภาพคล่อง   จึงให้พักชำระหนี้ 1 ปี และลดดอกเบี้ยร้อยละ 1  สำหรับลูกหนี้รายย่อย   ส่วนใหญ่มีหนี้เสียกับธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส.   คาดว่าช่วยเหลือกลุ่มนี้  ประมาณ 1.1 ล้านราย ส่วนลูกหนี้ SMEs  แบงก์รัฐจะเข้าไปช่วยเหลือผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้  และพักชำระหนี้ให้กับ SMEs  ครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 99  ของลูกหนี้ NPL กว่า 100,000 ราย

กลุ่มที่ 2 คือ ลูกหนี้มีรายได้ประจำ เช่น กลุ่มข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร  และกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิต  แบ่งการช่วยเหลือผ่าน 3 แนวทาง  แนวทางแรก คือการลดดอกเบี้ยสินเชื่อไม่ให้สูงจนเกินไป เพราะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ประจำและถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ แนวทางที่สอง การโอนหนี้ทั้งหมดไปยัง สหกรณ์ของแต่ละองค์กร  เพื่อตัดเงินเดือนนำมาชำระหนี้ไม่เกินร้อยละ 70 ของเงินเดือน   แนวทางสุดท้าย คือ การบังคับใช้หลักเกณฑ์การตัดเงินเดือน ให้ลูกหนี้มีเงินเดือนเหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี  ทั้งสามแนวทางนี้ จะต้องทำ “พร้อมกัน” ทั้งหมด ยอมรับว่า หนี้บัตรเครดิต 23.8 ล้านใบ  มูลหนี้ 5.4 แสนล้านบาท  เริ่มมีอาการหนัก 67,000 ล้านบาท


ลูกหนี้กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน  จึงชำระคืนหนี้ไม่ต่อเนื่อง  เช่น เกษตรกร ลูกหนี้เช่าซื้อ ต้องคิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 10 จักรยายนต์ไม่เกินร้อยละ 23   และลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 2.3 ล้านราย  กลุ่มนี้จะได้รับการช่วยเหลือ  ด้วยการพักชำระหนี้ชั่วคราว  การลดดอกเบี้ย  หรือลดเงินผ่อนชำระในแต่ละงวดให้ต่ำลง  เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ของลูกหนี้ เช่น ลูกหนี้เกษตรกร   ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและปริมาณผลผลิตตามฤดูกาล  ขณะนี้ได้พักชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรแล้ว โดยพักทั้งหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี   มีเกษตรกรเข้าร่วมการพักหนี้กว่า 1.5 ล้านราย     ลูกหนี้กลุ่มที่ 4 กลุ่มนี้เป็นหนี้เสียคงค้างกับสถาบันการเงินของรัฐ มาเป็นระยะเวลานาน  จึงต้องโอนหนี้ไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์  SAM  หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้   คาดว่าช่วยเหลือลูกหนี้ประมาณ 3 ล้านราย  หวังลดภาระดอกเบี้ยจากร้อยละ 16-25 เหลือไม่เกินร้อยละ 15 หากปิดจบหนี้ภายใน 5 ปี  

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ท้ายที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ให้สำเร็จและมีผลอย่างยั่งยืนหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมกันเสริมความรู้ ยืนยันรัฐบาลห่วงใยลูกหนี้ทุกกลุ่มและได้มีแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้  ทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว การดำเนินมาตรการให้สำเร็จได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากลูกหนี้ เจ้าหนี้ และหน่วยงานต่าง ๆ หลายภาคส่วน ขอมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน  ให้มาร่วมกันแก้หนี้ทั้งระบบให้จบภายในรัฐบาลนี้ ร่วมกันสำรวจและซ่อมแซมกลไกทางเศรษฐกิจ เพื่อทำให้เครื่องจักรทางเศรษฐกิจเราทำงาน เติบโต และขยายตัวต่อไปได้ 

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการแก้ปัญหาหนี้ในประบบ เริ่มขึ้นโดยทันที เช่น การหักเงินเดือนราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้ปรับมาชำระหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ในองค์กร ทำหน้าที่ปล่อยกู้โดยตรง โดย ธ.ออมสิน จะเข้าไปช่วยดูแลเพิ่มเติม เพื่อให้สหกรณ์มีทุนปล่อยกู้สวัสดิการเพิ่มเติม  หวังลดภาระหนี้ให้สอดคล้องกับความเสี่ยง บางแห่งคิดดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 7-8 ให้ปรับลดลงเหลือร้อยละ 5 จะทำให้ครู ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ มีภาระลดลง ส่วนการยืดอายุชำระ จะทำให้การผ่อนชำระต่องวดลดลง ต้องการเริ่มในเดือนมกราคมปี 67 เริ่มในบางหน่วยงาน.-515-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เต้นฮากา

สส.เต้นฮากา ประท้วงในสภานิวซีแลนด์

ที่ประชุมสมาชิกรัฐสภานิวซีแลนด์เมื่อวานนี้ต้องระงับชั่วคราว หลังจากที่สมาชิกสภาหลายคนซึ่งเป็นชนเผ่าเมารี ได้ลุกขึ้นเต้นฮากา (haka) ขัดขวางการลงนามในกฎหมาย

“เจ๊พัช” ขอโทษรัฐมนตรีน้ำ ยืนยันไม่รู้จักส่วนตัว

“กฤษอนงค์” โพสต์ขออภัยรัฐมนตรีน้ำและคุณพ่อ ปมคลิปเสียงแอบอ้าง พร้อมขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว แจงเป็นการสนทนาแนวทางส่งเสริมอาชีพเท่านั้น

จ่อชงหลักการเข้า คกก.กระตุ้นเศรษฐกิจ จ่ายเงินหมื่นกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป

รมว.คลัง รับเตรียมเสนอหลักการเข้า คกก.กระตุ้นเศรษฐกิจ จ่ายเงินหมื่นคนอายุ 60 ปีขึ้นไป หลัง “ทักษิณ” เปรยบนเวทีปราศรัย จ.อุดรธานี ชี้ใช้งบไม่มาก ยืนยันไม่ทับสิทธิกลุ่มเปราะบางเฟสแรก บอกมีเฟส 2-3

ชนแล้วหนี! 2 หนุ่มกลัวถูกจับดึงสลักระเบิดดับ

2 หนุ่มชนแล้วหนี โบกรถมาขึ้นสามล้อเครื่อง ตำรวจตามกระชั้นชิด ตัดสินใจดึงสลักระเบิด แต่สะดุดล้มระเบิดตูมสนั่นดับ 1 ส่วนอีกคน ถูกจับโดยละม่อม

ข่าวแนะนำ

พะยูนตัวแรกของฤดูกาลท่องเที่ยวโผล่

นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลท่องเที่ยว 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เพิ่งพบพะยูนบริเวณหน้าเกาะลิบง จังหวัดตรัง เป็นตัวแรก สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างมาก

“เจ๊พัช” ขอโทษรัฐมนตรีน้ำ ยืนยันไม่รู้จักส่วนตัว

“กฤษอนงค์” โพสต์ขออภัยรัฐมนตรีน้ำและคุณพ่อ ปมคลิปเสียงแอบอ้าง พร้อมขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว แจงเป็นการสนทนาแนวทางส่งเสริมอาชีพเท่านั้น

“หนุ่ม กรรชัย” งดเคลียร์ “ฟิล์ม” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด

“หนุ่ม กรรชัย” ประกาศตัดสัมพันธ์ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด งดเคลียร์ ซัดเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี ชี้เรื่องนี้ไม่ต้องเตือน ให้ย้อนไปดูที่บ้านได้สั่งสอนหรือไม่