พบศพหญิงวัย 53 ถูกฆ่าฝังดิน

สมุทรปราการ 13 มิ.ย.-หนุ่มใหญ่วัยกว่า 50 ปี เวลาเมาสุรามักซ้อมภรรยาที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง จนชาวบ้านต้องแจ้งกำนันมาปรามเป็นประจำ ล่าสุดชาวบ้านเห็นเงียบไปและมีกลิ่นเหม็น จึงเข้าตรวจสอบ พบเป็นศพถูกห่อผ้าฝังดิน


สมุทรปราการ เวลา 18.00 น. วันที่ 13 มิ.ย.60 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เข้าตรวจสอบสภาพศพของนางสุรัก อุ้มรัก อายุประมาณ 53 ปี ที่ถูกฆ่าตายและห่อศพด้วยผ้า ก่อนจะขุดหลุมฝังดินไว้ข้างบ้านนานกว่า 2 สัปดาห์ ภายในบ้านพักไม่มีเลขที่ ซ.อยู่สุข 13 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ หลังรับการประสานจากนางพัชรี แก้วน้อย กำนันตำบลบางเมือง ให้ร่วมตรวจสอบบ้านดังกล่าวเนื่องจากชาวบ้านร้องเรียนว่ามีกลิ่นเหม็นโชยออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว


นางพัชรี เปิดเผยว่า ปกติบ้านหลังดังกล่าว อยู่กัน 2 สามี ภรรยา โดยสามีชื่อว่านายหนู ยังไม่ทราบชื่อ นามสกุล อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผู้ตาย และชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ เวลาเมาได้ที่ก็มักจะลงมือลงไม้ทำร้ายนางสุรัก ภรรยาที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง นอกจากนี้นายหนู ยังเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย โดยตนเองได้เคยเข้ามาปรามนายหนู เวลาเมาหลายครั้ง เนื่องจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงทนไม่ไหว ต้องโทรศัพท์ไปแจ้ง เพราะนายหนู จะทำร้ายภรรยาจนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังได้ยินกันเกือบทั้งซอย โดยเฉพาะเวลาดึกๆ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนเองได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่านายหนู ลงมือทำร้ายภรรยา ตนเองก็มาระงับเหตุและห้ามปรามตามปกติ และได้พบกับนายหนู และภรรยาอยู่พร้อมกันทั้ง 2 คน ซึ่งนายหนู อ้างว่าไม่ได้ทำอะไรภรรยา แถมปรนนิบัติด้วยซ้ำไป ตั้งแต่นั้นมาตนเองก็ไม่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านอีกว่าทั้งคู่ทะเลาะวิวาทกัน กระทั่งเมื่อวานนี้ หลานผู้ตายมาขอให้ช่วยตามหาผู้ตาย เพราะไม่มีใครเห็นมานานกว่า 2 สัปดาห์ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมตรวจสอบ กลับพบแม่ของนายหนูอยู่ในบ้านและอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าผู้ตายกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด

กระทั่งวันนี้ หลานชายและญาติผู้ตาย ยังคาใจในการหายตัวไปของผู้ตายเพราะได้กลิ่นเหม็นโชยออกมาจากบ้านดังกล่าว จึงขอให้ตนเองมาช่วยตามหา จึงพากันเดินตามหาจนรอบบ้าน กระทั่งทราบกลิ่นเหม็นโชยออกมาจากพื้นที่ด้านข้างบ้าน จึงช่วยกันขุดจนพบร่างของผู้ตายห่อผ้าเหม็นเน่าขึ้นอืดอยู่ใต้พื้นดิน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่นายหนู ไหวตัวหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ออกติดตามนายหนู เพราะคิดว่าน่าจะหนีไปได้ไม่ไกล เพราะอายุค่อนข้างเยอะ และเป็นเวลาที่ค่อนข้างมืด เพื่อมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง