พรรครวมไทยสร้างชาติ 27 มี.ค.-รวมไทยสร้างชาติทยอยประชุมว่าที่ผู้สมัครส.ส.และผู้ช่วยหาเสียงหลายจังหวัดภาคอีสาน ชี้แจงแนวทางหาเสียง เร่งทำความเข้าใจรายละเอียดนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ย้ำถ้าได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ จะแก้หนี้มาราธอนตั้งแต่รัฐบาลในอดีตจากกองทุนหมู่บ้านให้หมดไป
นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รับผิดชอบภาคอีสาน เปิดเผยว่า พรรคได้ส่งรายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ให้กับสาขาพรรคทั่วประเทศ และตัวแทนพรรคประจำจังหวัดครบ 77 จังหวัดเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็น หรือทำไพรมารีโหวตตามข้อบังคับเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เริ่มลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับว่าที่ผู้สมัครส.ส.และผู้ช่วยหาเสียงประจำจังหวัด ในส่วนของภาคอีสานที่ตนรับผิดชอบ ได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษหลายสมัย ในฐานะคณะกรรมการกำกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคได้ประชุมกับผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงประจำจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพื่อชี้แจงแนวทางการหาเสียง และนโยบายของพรรคเพื่อให้เข้าถึงประชาชน
รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ได้ชี้แจงนโยบายของพรรคในสิ่งที่ทำแล้ว ทำอยู่และทำต่อให้สมาชิกพรรคได้ทราบ อาทิ นโยบายที่ทำแล้วคือเพิ่มค่าตอบแทนให้อสม.ปรับขึ้นจาก 600 บาทเป็น 1,000 บาท นโยบายที่ทำอยู่ตอนนี้คือ จะเพิ่มให้เป็น 2,000 บาท นอกจากนั้นนโยบายที่ทำอยู่คือ เพิ่มค่าตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล เพิ่มค่าตอบแทนให้ อบต. เทศบาล ทั้งหมดจะมีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2566 นี้ นอกจากนั้นสิ่งที่พรรคจะทำต่อคือ เรื่องบัตรประชารัฐ นโยบายของพรรคคือจะเพิ่มเงินจากบัตรประชารัฐ หรือบัตรลุงตู่ จาก 300 บาทต่อเดือนเป็น 1,000 บาทต่อเดือน และให้สิทธิ์ผู้ถือบัตรประชารัฐในกรณีต้องการใช้เงินฉุกเฉิน สามารถเอาบัตรประชารัฐไปกู้ธนาคารออมสินได้ 10 เท่าของรายได้
“ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล คนที่มีบัตรลุงตู่จะมีรายได้แน่ ๆ เดือนละ 1,000 บาท และสามารถกู้ฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท ส่วนการผ่อนชำระกับธนาคารออมสินไม่ต้องกังวลว่าเป็นหนี้ศูนย์ เพราะรัฐจะโอนเงินผ่านธนาคารออมสินหักเป็นเงินต้นคืน 500 บาท อีก 500 บาทเข้าบัตรประชารัฐของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านไม่มีภาระหนี้เกิดขึ้นมาใหม่ เมื่อผ่านไป 20 เดือนก็ถือว่าใช้หนี้ได้ทั้งหมด จบกระบวนการทั้งต้นทั้งดอกจะเคลียร์ทั้งหมด หลังจากนั้นชาวบ้านจะกลับมาได้เงินในบัตรประชารัฐอีกเดือนละ 1,000 บาทเหมือนเดิมได้สิทธิ์กลับขึ้นมาใหม่เพราะเป็นไทย ซึ่งนโยบายนี้ได้รับการตอบรับจากประชาชนด้วยดี เพราะเขามีปัญหามากในขณะนี้คือหนี้นอกระบบ คิดดอกเบี้ยร้อยละ 30-40 บาทต่อเดือน แต่ถ้ารัฐให้เขาได้เข้าถึงโอกาสของแหล่งเงินกู้เขาไม่ต้องเป็นเบี้ยล่างของพวกเงินกู้นอกระบบอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านมีปัญหาหนี้นอกระบบโดนรังควานจากพวกนายทุนหน้าเลือด” นายวิทยา กล่าว
รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า สำหรับกรณีผู้สูงอายุ ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เราจะให้ผู้สูงอายุ 60 ขึ้นไปคนละ 1,000 บาทเท่ากันทั้งหมดจนถึงแก่กรรม ไม่ต้องรอแบบขั้นบันได รอให้ถึงอายุ 80 ปีถึงจะได้ 800 บาท และเรื่องที่ชาวบ้านสะท้อนให้ฟังอย่างมากคือหนี้ของกองทุนหมู่บ้านที่รัฐบาลในอดีตทำไว้ ตนได้สอบถามในที่ประชุมใครเป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านบ้างปรากฏว่า 80% เป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านทั้งหมด ถามว่าอีก 5 ปีใครจะใช้หนี้หมดได้บ้าง ในที่ประชุมไม่มีใครยกมือสรุปคือ หนี้กองทุนหมู่บ้านในภาคอีสานทั้งหมดเป็นหนี้ที่ตายแล้ว และจะตายไปพร้อมกับคนกู้เพราะเขาไม่มีโอกาสเป็นไทยได้เลย
“พอถึงสิ้นปีก็ต้องไปกู้หนี้นอกระบบมาจ่ายคืนหนี้กองทุนหมู่บ้าน ได้เงินจากกองทุนหมู่บ้านก็ต้องนำกลับไปคืนให้กับนายทุนเงินกู้ที่ไปกู้มาใช้หนี้ ทำมาแบบนี้มา 22 ปี ชาวบ้านก็เรียกร้องให้แก้ปัญหานี้ ผมให้ผู้สมัครทุกคนรับฟังปัญหาเพื่อหาทางแก้หนี้กองทุนหมู่บ้านให้กับประชาชน ที่เป็นแบบนี้มานานและสูงถึง 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ของภาคอีสาน ชาวบ้านเชื่อว่าการแก้หนี้นอกระบบจะหมดไป แต่หนี้กองทุนหมู่บ้านที่ทำมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลในอดีตแก้ไขได้ยาก ทุกจังหวัดมีปัญหาเป็นหนี้เหมือนกันหมด จึงเป็นภาระที่รัฐบาลข้างหน้าจะต้องไปหาทางแก้ไขให้ประชาชน ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเร่งแก้ปัญหานี้ให้หมดไป” นายวิทยา กล่าว.-สำนักข่าวไทย