กรุงเทพฯ 19 ธ.ค.- ศปน.ตร.ร่วมกับตำรวจหลายหน่วย ปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดผ่านแอปฯ ส่งข้อความข่มขู่ลูกหนี้ รวบนายทุนจีนพร้อมพวก 19 ราย พบเงินสะพัดในระบบกว่า 2,500 ล้านบาท
สืบเนื่องจากช่วงปลายปี 64-65 มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีกู้เงินมาจากแอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบชื่อ “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” และ “Self service” รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 40 แอปพลิเคชัน โดยเรียกดอกเบี้ยโหดกว่าร้อยละ 2,080 ต่อปี นอกจากนั้นยังมีพฤติการณ์ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกหนี้ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปน.ตร. โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งรัดปราบปรามแอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบ จึงบูรณาการตำรวจหลายหน่วยงานกว่า 100 นาย บุกทลายเครือข่ายลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “Self service” และแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 40 แอปพลิเคชัน
จากการสืบสวนพบว่า มีกลุ่มทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแอปลิเคชันดังกล่าว และออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 23 หมาย ผู้ต้องหา 22 ราย และปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 22 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี เชียงราย พะเยา ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 20 หมาย ผู้ต้องหา 19 ราย ประกอบด้วย
1.น.ส.เปา ลู่ ซัน สัญชาติจีน อายุ 34 ปี 2. น.ส.ไช่ ซิง เหมย สัญชาติจีน อายุ 29 ปี 3. น.ส.กรรณฐภรรฐ อายุ 32 ปี 4.นายกิติศักดิ์ อายุ 33 ปี 5.น.ส.ดวงนภา อายุ 37 ปี 6.น.ส.พรรณรัตน์ อายุ 28 ปี 7.น.ส.น้ำฝน อายุ 27 ปี 8.น.ส.บุญเพ็ง นาพรม อายุ 47 ปี 9.นายคณิน อุดมเดช อายุ 25ปี 10.นายสราวุฒ ดงพลับ อายุ 25 ปี 11.น.ส.ปราณี อายุ 29 ปี 12.นายอำนาจ อายุ 48 ปี 13.น.ส.ดารณี อายุ 32 ปี 14.นางสาวพัชรินทร์ อายุ 50 ปี 15.นางสาวสุพรรษา อายุ 25 ปี 16. นายเกรียงไกร อายุ 50 ปี 17.นายธนดล อายุ 31 ปี 18.นางสาวศิริพร อายุ 25 ปี และ 19. นางสาวคนึง อายุ 58 ปี
ผู้ต้องหาทั้ง 19 ราย จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่”
นอกจากนี้ ตำรวจยังตรวจยึดของกลางได้ รวม 7 รายการ ประกอบด้วย 1.สมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 5 เล่ม 2.คอมพิวเตอร์ จำนวน 3 เครื่อง 3.บัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 3 ใบ 4.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง 5.ซิมการ์ด จำนวน 4 ซิม 6.เราเตอร์จำนวน 1 เครื่อง 7.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 5 เครื่อง และอายัดบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้องจำนวน 33 บัญชี ยอดเงิน 5,293,869.77 บาท
จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า แอปลิเคชันชื่อ “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” และ “Self service” มีลักษณะคล้ายกัน โดยเมื่อดาวน์โหลดแอปพลิชันแล้ว จะพบว่าภายในแอปพลิชันดังกล่าวมีแอปพลิเคชันย่อยแอบแฝงอยู่กว่า 40 แอปพลิเคชัน ซึ่งลูกหนี้สามารถเลือกกู้เงินได้ โดยมีการคิดค่าบริการร้อยละ 40 ของยอดเงินกู้ต่อ 7 วัน หรือคิดดอกเบี้ยกว่าร้อยละ 2,080 ต่อปี เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ก็จะโทรศัพท์และส่งข้อความมาทวงถาม ในลักษณะข่มขู่คุกคามว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ผู้อยู่เบื้องหลังคือนายทุนชาวจีนที่เป็นผู้รับผลประโยชน์และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้แอปพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้ในครั้งนี้ มีความพยายามจะหลบหนีไปออกนอกประเทศ แต่ถูกตำรวจ ศปน.ตร. และชุดปฏิบัติการส่วนกลางติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในส่วนของแอปพลิเคชัน “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” มีแอปพลิเคชันอื่นที่เกี่ยวข้องกว่า 20 แอปพลิเคชัน จากการตรวจสอบพบว่าไม่เคยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับแต่อย่างใด โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน กลุ่มคนร้ายใช้บัญชีธนาคารกว่า 20 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 1,000 ล้านบาท เมื่อได้กำไรจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบแล้วจะรีบโอนเงินออกเป็นทอดๆ ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และในส่วนของแอปพลิเคชัน “Self service” พบว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับเช่นเดียวกัน โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน พบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชี 11 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านบาท และมีการโอนเงินออกเป็นทอดๆ เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ทั้งสองแอปพลิเคชันมีการนำกำไรดังกล่าวไปซื้อเป็นเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สินค้าและบริการ เพื่อให้ยากต่อการถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากนี้จะสั่งการให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติมที่ติดตามยึดอายัดเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะมีการตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะของการปล่อยเงินกู้นอกระบบ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป หากพี่น้องประชาชนคนใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ หรือมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งได้ที่ช่องทาง 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่ได้เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย