กรุงเทพฯ 21 ส.ค.- กองอำนวยการน้ำแห่งชาติออกประกาศเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลันในลุ่มน้ำป่าสัก ชี และมูล เนื่องจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง
นายชยันต์ เมืองสง รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า กอนช. ออกประกาศเตือนให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลันในลุ่มน้ำป่าสัก ชี และมูลเนื่องจากได้ติดตามสถานการณ์ฝนตกบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงวันที่ 19 – 20 สิงหาคม 2565 พบว่า ในหลายพื้นที่มีปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากสะสมมากกว่า 150 มิลลิเมตร ทั้งนี้ กอนช. ได้ประเมินคาดการณ์ปริมาณฝนตกในช่วงวันที่ 20 – 22 สิงหาคม 2565 จะมีฝนตกอยู่ในเกณฑ์ 90 มิลลิเมตร และคาดการณ์สถานการณ์น้ำในลำน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นประมาณ 0.50 – 1.00 เมตร จึงขอให้เฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาไหลหลากเข้าท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำเกษตรกรรม พื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ และพื้นที่ชุมชน ในช่วงวันที่ 22 – 25 สิงหาคม 2565 ดังนี้
1. ลุ่มน้ำป่าสัก เฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำป่าสัก บริเวณ อำเภอหล่มเก่า และหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ คาดการณ์ระดับน้ำจะสูงกว่าตลิ่งบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำป่าสักประมาณ 0.60 เมตร
2. ลุ่มน้ำชี เฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำชีบริเวณอำเภอเมืองอุบลราชธานีและเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ลำน้ำยังบริเวณอำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ลำปะทาวบริเวณอำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ
3. ลุ่มน้ำมูล เฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำมูลบริเวณอำเภอเมืองอุบลราชธานี พิบูลมังสาหาร วารินชำราบ และสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี ลำเซบก บริเวณ อำเภอม่วงสามสิบ ดอนมดแดง และตาลสุม จังหวัดอุบลราชธานี ลำโดมใหญ่ บริเวณ อำเภอน้ำยืน นาจะหลวย บุณฑริก เดชอุดม นาเยีย และพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
ทั้งนี้ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ
2. ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความสามารถใช้งานของอ่างเก็บน้ำ อาคารบังคับน้ำ สถานีสูบน้ำ และติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมทั้งวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ และระดับน้ำในลำน้ำ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วม ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย