โตเกียว 28 พ.ย.- ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมของญี่ปุ่นร่วงลงมากที่สุดนับจากเดือนมีนาคม 2558 หลังจากทางการขึ้นภาษีขายจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ทำให้คนจับจ่ายลดลง
กระทรวงพาณิชย์ญี่ปุ่นแถลงข้อมูลวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมลดลงร้อยละ 7.1 จากเดือนเดียวกันปีก่อน มากที่สุดนับจากเดือนมีนาคม 2558 ที่ลดลงร้อยละ 9.7 และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลงร้อยละ 4.4 สาเหตุเพราะความต้องการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่อย่างรถยนต์ เครื่องใช้ในครัวเรือนและเสื้อผ้าลดลง นักวิจัยของสถาบันวิจัยเอ็นแอลไอชี้ว่า รายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้นทำให้การบริโภคชะลอตัวตั้งแต่ยังไม่ขึ้นภาษีขาย ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของแคปิตัลอีโคโนมิกส์ระบุว่า ยอดค้าปลีกหลังขึ้นภาษีขายรอบล่าสุดลดลงมากกว่าเมื่อครั้งที่รัฐบาลขึ้นภาษีขายสองครั้งก่อน โดยลดลงร้อยละ 14.4 จากเดือนก่อนหน้า เทียบกับการขึ้นภาษีขายจากร้อยละ 3 เป็นร้อยละ 5 ในเดือนเมษายน 2540 และจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 8 ในเดือนเมษายน 2557 ที่ลดลงร้อยละ 13.7 จากเดือนก่อนหน้า
รัฐบาลญี่ปุ่นให้เหตุผลที่ต้องขึ้นภาษีขายว่า เพื่อแก้ปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีกว่า 2 เท่า หลังจากที่ได้เลื่อนการขึ้นรอบล่าสุดถึงสองครั้งจากเดือนตุลาคม 2558 เป็นเดือนเมษายน 2560 และเป็นเดือนตุลาคมปีนี้ นักวิเคราะห์ชี้ว่า นอกจากการขึ้นภาษีขายแล้ว ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมยังลดลงเพราะไต้ฝุ่นถล่มทำให้ร้านค้าและร้านอาหารต้องปิดชั่วคราว สมาคมซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นเตือนว่า ความต้องการบริโภคซบเซาอาจทำให้เกิดการแข่งขันกันลดราคาเพื่อเรียกลูกค้า ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะเงินฝืด ธุรกิจรายย่อยที่สู้ไม่ไหวอาจต้องปิดตัว.- สำนักข่าวไทย