ดัลลัส 24 ก.ค.- วัยรุ่นชาวอเมริกันที่เกิดในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัสได้รับอิสรภาพแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สหรัฐคุมขังไว้นานถึง 3 สัปดาห์ เป็นกรณีที่แสดงให้เห็นว่า ตม.ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ
ทนายความของนายฟรานซิสโก กาลิเซีย นักเรียนมัธยมวัย 18 ปีเผยว่า เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนชายแดนยึดเอกสารแสดงตัวของลูกความไว้หลังจากปล่อยตัว เธอไม่ทราบเหตุผลแต่ลูกความก็โล่งใจที่เรื่องจบลง เหตุเกิดเมื่อลูกความพร้อมน้องชายวัย 17 ปีและกลุ่มเพื่อนเดินทางไปร่วมงานคัดตัวนักฟุตบอลระดับวิทยาลัยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน แล้วเจอด่านตรวจที่เมืองฟัลฟูร์เรียส ห่างจากชายแดนด้านเม็กซิโกราว 160 กิโลเมตร เขาและน้องชายถูกควบคุมตัว น้องชายซึ่งไม่มีสถานะทางกฎหมายในสหรัฐถูกส่งตัวกลับเม็กซิโก ขณะที่เขามีบัตรประจำตัว สูติบัตร และบัตรประกันสังคมของรัฐเทกซัส แต่มีใบตรวจลงตราหนังสือเดินทางหรือวีซาของเม็กซิโกที่ระบุว่าเกิดในเม็กซิโก เป็นเหตุให้การอ้างว่ามีสัญชาติอเมริกันขัดแย้งกับวีซ่าดังกล่าวจึงถูกควบคุมตัว ทนายความชี้ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ควรด่วนสรุปสัญชาติง่าย ๆ โดยไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน และการที่ลูกความถูกควบคุมตัวนานเช่นนี้ชี้ให้เห็นว่ากระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิไม่ได้ให้ความใส่ใจตรวจสอบแต่ละกรณีตามที่ควรจะเป็น
ทนายความชี้แจงเรื่องวีซ่าเม็กซิโกว่า มารดาของลูกความอาศัยอยู่ในสหรัฐอย่างผิดกฎหมายทำให้ไม่สามารถขอหนังสือเดินทางให้บุตรชาย จึงเลือกขอวีซ่าให้แทน เพื่อให้เขากลับไปเยี่ยมเยียนครอบครัวที่อยู่ในเม็กซิโกได้ แต่ระบุในวีซ่าว่าเขาเกิดในเม็กซิโก เป็นเหตุให้เกิดการขัดแย้งดังกล่าว
ซีเอ็นเอ็นระบุว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่พลเมืองชาวอเมริกันถูก ตม.กักตัวว่าเป็นผู้ลอบเข้าเมือง พร้อมกับอ้างรายงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนของหนังสือพิมพ์ลอสแอนเจลิสไทมส์เมื่อปีก่อนว่า นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา ตม.สหรัฐปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังแล้วกว่า 1,400 คน หลังจากตรวจสอบข้อร้องเรียนเรื่องเป็นพลเมืองอเมริกัน.- สำนักข่าวไทย