วอชิงตัน 25 มี.ค.- ชาวอเมริกันกว่าล้านคนร่วมชุมนุมทั่วประเทศในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น เรียกร้องให้เข้มงวดการควบคุมปืน โดยมีนักเรียนที่รอดชีวิตจากเหตุศิษย์เก่าสังหารหมู่ 17 ศพเมื่อวันวาเลนไทน์เป็นแกนนำการเรียกร้อง
การชุมนุมในชื่อ March For Our Lives จัดขึ้นกว่า 800 แห่ง โดยมีการชุมนุมใหญ่ในหลายเมือง เช่น แอตแลนตา บอสตัน ชิคาโก ดัลลัส เดนเวอร์ ลอสแอนเจลิส ไมแอมี มินนีแอโพลิส ซีแอตเทิล นายบิล ดิ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนิวยอร์กจากพรรคเดโมแครตทวีตว่า มีคนร่วมชุมนุมที่นิวยอร์ก 175,000 คน และว่านักเรียนเหล่านี้จะเปลี่ยนอเมริกา
การชุมนุมใหญ่ที่สุดอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ผู้จัดบอกกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า มีคนมาไม่ต่ำกว่า 800,000 คน เป็นการชุมนุมให้เข้มงวดการควบคุมปืนในสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุด นับจากการเดินขบวน Million Mom March ในวันแม่ 14 มีนาคม 2543 ที่มีคนเข้าร่วม 750,000 คน เวทีใหญ่จัดขึ้นใกล้อาคารรัฐสภา คาเมรอน แคสกี นักเรียนชายวัย 17 ปี ของโรงเรียนมัธยมมาร์จอรี สโตนแมน รัฐฟลอริดา ขึ้นกล่าวต่อผู้ชุมนุมว่า ขอฝากถึงนักการเมืองว่า หากไม่เป็นตัวแทนประชาชนก็ลาออกไปเสีย หากไม่ยืนหยัดเพื่อประชาชนก็ขอให้ระวังให้ดีเพราะการเลือกตั้งกลางสมัยกำลังจะมาถึง
เอ็มมา กอนซาเลซ นักเรียนหญิงวัย 17 ปี ที่กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศเมื่อขึ้นกล่าวหลังเกิดเหตุที่โรงเรียนไม่กี่วัน ยืนนิ่งน้ำตาไหลอยู่บนเวทีนาน 4 นาทีครึ่งก่อนกล่าวว่า ช่วงเวลาที่นายนิโกลาส ครูซ สาดกระสุนใส่โรงเรียนนานทั้งหมด 6 นาที 20 วินาที ทุกคนจะต้องสู้เพื่อชีวิตตัวเองก่อนที่จะให้เป็นงานของคนอื่น เพราะฉะนั้นขอให้ออกไปแล้วลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งหมายถึงการเลือกกลางสมัยเดือนพฤศจิกายนนี้
ขณะที่โยลันดา รีเน คิง หลานสาววัย 9 ขวบของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง นักเรียกร้องสิทธิพลเมืองชาวอเมริกันทำให้ผู้มาร่วมชุมนุมหลายคนหลั่งน้ำตาเมื่อกล่าวบนเวทีว่า คุณปู่มีความฝันว่าคนจะไม่ตัดสินหลานทั้ง 4 คนจากสีผิว แต่จะตัดสินจากการกระทำ พร้อมกับยกประโยคอมตะที่ปู่กล่าวไว้ในสุนทรพจน์ปี 2506 เรียกร้องให้ยุติการเหยียดผิวว่า “ฉันฝันไว้ว่าถึงเวลาที่จะต้องพอเสียที” นอกจากนี้ยังมีการชุมนุมสนับสนุนให้เข้มงวดการควบคุมปืนในอีกหลายเมืองทั่วโลก ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พักผ่อนที่รัฐฟลอริดา ขณะที่ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า ชื่นชมคนหนุ่มสาวชาวอเมริกันที่ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขครั้งแรก การปกป้องให้เยาวชนปลอดภัยคือภารกิจสูงสุดของประธานาธิบดี.-สำนักข่าวไทย