มือเผาพ่อค้าแตงโม สารภาพทำคนเดียว อ้างแค้นปมชู้สาว

12 ก.พ. – “เพลิน” มือราดน้ำมันจุดไฟเผาพ่อค้าแตงโม รับสารภาพทำคนเดียว อ้างแค้นอีกฝ่ายเป็นชู้กับภรรยา และยังเอารถกระบะที่ใช้ทำกินไปขายแตงโมเย้ยต่อหน้าต่อตา


ตำรวจคุมตัวนายอรรคกร หรือ เพลิน อายุ 46 ปี ก่อเหตุใช้น้ำมันราดและจุดไฟเผาพ่อค้าแตงโมเสียชีวิต ไปสอบปากคำที่ สน.บางโพงพาง โดยมี พล.ต.ต.พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมสอบปากคำ

ระหว่างคุมตัวนายเพลินออกจากห้องสอบสวน นายเพลิน อ้างว่าทำคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมก่อเหตุ เพราะหนักใจที่ผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทตนเอง แต่กลับมามาคบชู้กับภรรยา โดยไม่ได้มีการพูดคุยเคลียร์ใจกับผู้ก่อเหตุก่อนลงมือ และไม่ได้วางแผนดูลาดเลาใดๆ เป็นการบันดาลโทสะ ทั้งนี้ ขอโทษผู้ตายและครอบครัวผ่านสื่อมวลชนด้วย ส่วนหลังก่อเหตุก็ไม่มีใครช่วยพาหลบหนี ขับรถหนีไปมุกดาหาร เพราะตนเองก็ทำงานอยู่ที่นั่น หลังเกิดเหตุเห็นข่าวแล้วก็ตกใจอยู่ คิดจะมอบตัว และรู้สึกผิด


ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยภายหลังสอบปากคำว่า นายเพลินรับสารภาพว่าก่อเหตุจริงเนื่องจากความแค้นปมชู้สาว เพราะก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2556 ก็เคยถูกแฟนคบชู้ และได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ชายคนใหม่ของแฟน จนต้องติดคุกไป 9 ปี เพิ่งจะพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2564 จนเกิดเป็นแผล ต่อมาเมื่อเจอกับนางสาวกุ๊กไก่ แฟนคนปัจจุบัน ก็คบกันเรื่อยมา และมักจะนำผลไม้ลงมาขายที่วัดดอกไม้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้รู้จักกับนายราเชน ผู้เสียชีวิต และคบหาเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด

กระทั่งช่วงตุลาคม 2567 เริ่มระแคะระคายว่าแฟนสาวกำลังนอกใจไปหานายราเชน เมื่อสอบถามก็ได้รับคำปฏิเสธ แต่หลังจากนั้นก็ระหองระแหงเรื่อยมา ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะเริ่มตัดการติดต่อห่างกันไป นอกจากนี้ยังมาเอารถกระบะที่นำไปจำนำร่วมกัน เพื่อนำเงินมาช่วยทำมาหากินไปด้วย ทำให้ตนเองคิดว่าฝ่ายหญิงน่าจะไปอยู่กับนายราเชนแล้ว และสั่งสมความแค้นมาโดยตลอด

ก่อนก่อเหตุ ตนเองไปรับจ้างตัดต้นไม้อยู่ที่ย่านพุทธมณฑลกับเพื่อนลูกจ้างอีกคน ชื่อ “นายติ๊ก” จึงได้บอกกับนายติ๊กว่าให้ช่วยไปขับรถกระบะอีกคันกลับ โดยขากลับจะผ่านวัดดอกไม้ ซึ่งนายเพลินก็เห็นรถกระบะของแฟนตนเองจอดอยู่ จึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กะว่าจะเข้าไปเคลียร์ใจกับแฟนสาว หากตกลงกันไม่ได้ ก็จะใช้น้ำมันเบนซิลที่เคยซื้อมาเติมรถ แต่ยังเหลืออยู่ จุดไฟทำลายรถกระบะคันดังกล่าว ซึ่งเมื่อเข้าไปในวัดก็ไม่เจอแฟนสาว แต่เห็นนายราเชนนั่งอยู่ที่รถกระบะ จึงเกิดบันดาลโทสะ ราดน้ำมันจุดไฟเผาทันที


เบื้องต้นตำรวจเปลี่ยนข้อหาจากพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยกระทำการทารุณกรรม และวางเพลิงเผาทรัพย์ เนื่องจากนายราเชนเสียชีวิตแล้ว และจะนำตัวนายเพลินไปฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีพฤติการณ์จะหลบหนี

ส่วนกระแสข่าวว่า นางสาวกุ๊กไก่ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เบื้องต้นนายเพลินยังไม่กล่าวถึงบุคคลอื่น และจากภาพวงจรปิดก็ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนมูลเหตุจูงใจอื่นๆ เช่น เรื่องความขัดแย้งในการเก็บค่าที่จอดรถภายในวัด ตำรวจจะขยายผลสอบสวนต่อไป เช่นเดียวกับตัวนายติ๊ก ที่ตอนนี้ตำรวจก็ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุด้วยหรือไม่ เนื่องจากนายติ๊กอ้างว่าไม่รู้ว่านายเพลินจะก่อเหตุวางเพลิงจุดไฟเผานายราเชน ทราบเพียงว่าให้มาเป็นเพื่อน มาช่วยขับรถ และนายเพลินได้บอกให้กลับไปก่อน ซึ่งหากพบว่าเข้าข่ายร่วมกระทำความผิด จะมีการแจ้งข้อหาต่อไป

ส่วนคนขับกระบะที่ไปส่งนายเพลินที่จังหวัดมุกดาหารนั้น ตำรวจเรียกมาสอบปากคำแล้ว เจ้าตัวอ้างว่าเพียงทำหน้าที่ส่งคนงานที่จ้างมาหลังเสร็จงานตัดไม้ตามปกติ โดยไม่รู้ว่านายเพลินไปก่อเหตุอะไรมา แต่เมื่อทราบก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี และพาตำรวจไปชี้จุดที่ส่งนายเพลินลง ซึ่งเมื่อตำรวจติดตามไปถึงจังหวัดมุกดาหาร ก็พบว่านายเพลินหนีเข้าป่าหลังรีสอร์ทไปแล้ว ตำรวจต้องปิดล้อมป่า ใช้โดรนบิน ใช้สุนัขตำรวจติดตามดมกลิ่น มุดท่อ และพายเรือตามหาในแม่น้ำ กดดันนานกว่า 1 วัน 1 คน จนนายเพลินหมดหนทางหนี และหิวโซ จึงได้ติดต่อเพื่อนให้นำอาหารมาให้ แต่เพื่อนก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่อล่อนายเพลินออกมา แต่นายเพลินไหวตัวทัน สุดท้ายเพราะทนพิษความหิวโหยไม่ไหว จึงกำเงิน 1,000 บาท ออกมาซื้ออาหารที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งตำรวจได้ดักรออยู่แล้ว และเข้าจับกุมตัวได้สำเร็จ.-414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]