นายกฯ ยก 3 ทางรอด สร้างโอกาสประเทศไทย

ทางรอดประเทศไทย

ศูนย์สิริกิติ์ 21 พ.ย.-นายกฯ ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องแรก ยก 3 ทางรอด สร้างโอกาสประเทศไทย “อาหาร-สุขภาพ-อุตสาหกรรมใหม่” ดึงซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างรายได้เข้าประเทศ ยันรัฐบาลอยู่ครบเทอม เตรียมแถลงผลงานรัฐบาล 90 วัน 12 ธ.ค.นี้ พร้อมนโยบายเศรษฐกิจใหม่-แพ็กเกจของขวัญปีใหม่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนา PRACHACHAT THAILAND 2025 โอกาส,ความหวัง,ความจริง และกล่าวปาฐกถาพิเศษ “ประเทศไทย : โอกาส- ความหวัง-ความจริง” มีนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เดินทางร่วมงาน


ก่อนเริ่มงาน นายกรัฐมนตรีเดินชมบูธหนังสือมติชน พร้อมกับซื้อหนังสือจำนวน 8 เล่ม อาทิ “สมรภูมิพลิกอำนาจโลก” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองโลกในปัจจุบัน และทำความเข้าใจจุดปะทุทางภูมิศาสตร์ใหม่ภายใต้เกมอำนาจของสามขั้วพร้อมร่วมหาจุดยืนให้ไทยท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่โลกหลายขั้ว ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววัน , หนังสือ ไทยในภายในระเบียบโลก, การออกแบบเมืองของญี่ปุ่น“ เป็นต้น และถ่ายภาพหมู่ร่วมกับคณะผู้บริหาร

น.ส.แพทองธาร กล่าวปาฐกถา ว่า รัฐบาลพยายามสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นโอกาสแบบไหนก็ต้องเป็นโอกาสที่จับต้องได้ส่วนตัวชอบคำนี้เพราะการที่จะทำให้คนมีชีวิตที่ดี โอกาสเป็นคำที่สวยหรูแต่โอกาสที่จะจับต้องได้ต้องดูว่าเป็นการที่เราจะใช้โอกาสนั้นให้เกิดประโยชน์กับชีวิตเราได้นี่ คือสิ่งสำคัญที่ต้องการให้เกิดขึ้น


เรามองเห็นศักยภาพของคนไทยว่ามีศักยภาพที่สูงมากแต่บางทีโอกาสเขาไม่ถึงหรือมีการซัพพอร์ตที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นการกระจายโอกาสจึงสำคัญมาก รัฐบาลจึงเร่งทำในเรื่องนี้ แต่บางอย่างเกิดปัญหาสะสมมานาน เราไม่สามารถใช้วิธีสองวิธีเพื่อการแก้ปัญหาได้ต้องใช้หลายวิธีในการผลักดันประเทศชาติและผลักดันเศรษฐกิจให้ไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแรง

อย่างแรกสิ่งที่รัฐบาลต้องการจะทำคือการกระตุ้นเศรษฐกิจการพัฒนาในเรื่องเศรษฐกิจเพราะเป็นสิ่งสำคัญทำให้ประเทศชาติและคนในประเทศมีการกินอยู่ที่สบายขึ้น ซึ่งเราพูดมาตลอดว่าถ้าคนไทยปากท้องอิ่ม จะดึงศักยภาพที่ซ่อนในตัวจะออกมาเอง ถ้าเบสิกพื้นฐานยังไม่ถูกเติมเต็มการที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ การผลักดันประเทศจะเป็นไปได้ยาก ฉะนั้นเราถึงพยายามกระจายโอกาสให้ได้มากที่สุดเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

ส่วนแบ็กกราวด์เศรษฐกิจมีการคาดเดาเรื่องการเติบโตของจีดีพีถ้ารวมทั้งปีประมาณ 2.7% ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการฟื้นตัวแต่ละควอเตอร์ และเราทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์โดยสภาพัฒน์ฯประกาศว่าจีดีพีโตขึ้น 3% เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจโดยส่วนใหญ่ที่เศรษฐกิจเติบโตได้มาจากการลงทุนของรัฐบาลและภาครัฐและที่สำคัญคือการท่องเที่ยวเพราะก่อนหน้านี้ก่อน โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวประมาณ 40ล้านคน และตัวเลขได้หายไปอย่างน่าตกใจ ก่อนที่ตนจะเข้ามาการเมืองได้ทำโรงแรมอยู่ เห็นได้ชัดว่าตัวเลขได้หายไปแบบน่าตกใจ และคาดว่าในปีนี้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวน่าจะกลับใกล้ 36 ล้านคน และเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว โอกาสที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นมาจากการผลักดันหลายส่วน และโควิดเบาแล้ว มีฟรีวีซ่าตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน รวมถึงการพัฒนาสนามบิน ที่อยากให้เป็นสมาร์ทแอร์พอร์ตให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาสามารถเช็กอินได้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอคิว แต่ทำเอกสารต่างๆ ที่สนามบินได้ และเราต้องการจะทำให้ต่อเนื่องมากขึ้นนอกจากนั้นยังมี festival country ทำให้เมืองไทยทุกที่สามารถท่องเที่ยวได้และให้ต่างชาติรู้จักเมืองรองด้วย โดยใช้วัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ เช่น ลอยกระทง สงกรานต์ เพื่อให้ต่างชาติรู้ว่าไม่ได้ท่องเที่ยวแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งแต่สามารถเที่ยวได้ทั่วประเทศไทย และอยู่ได้ยาวนาน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังรณรงค์อยู่


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจที่เราต้องสร้างไว้จะโตกว่าปีนี้ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะจากการที่ไปประชุมต่างประเทศได้คุยกับต่างชาติ ทุกคนสนใจลงทุนในประเทศไทยเพราะภาคการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น นักธุรกิจและชาวต่างชาติ จะมั่นใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ตนมีหน้าที่บอกทุกคนถึงความเชื่อมั่นว่าเราจะอยู่จนครบจนมีการเลือกตั้งได้ เพื่อให้ชาวต่างชาติมั่นใจว่าการลงทุนไม่ได้เปลี่ยนแปลง และสิ่งที่นายเศรษฐา เคยได้บอกทั่วโลกไว้ว่าไทยน่าลงทุนอย่างไร และตนก็สานต่อนโยบายเหล่านี้เพื่อให้การลงทุนไม่สะดุด เช่น การที่กูเกิลเข้ามาลงทุน ถือเป็นการตอกย้ำว่าเรายังทำสิ่งนี้อยู่

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องรีบทำคือการใช้งบลงทุน 9.6 แสนล้านบาทให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เพราะปกติยุคนี้จะใช้ไม่ค่อยหมด เนื่องจากความล่าช้า ของระบบราชการ ดังนั้นในปี 2568 กำชับต้องใช้เรื่องนี้ให้หมดให้คุ้มค่ากับภาษี

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกและสหรัฐได้ประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งสิ่งที่เขาทำจะออกไปทางอนุรักษ์นิยมเล็กน้อยจึงมีมีคำถามว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ และเราจะมีการปรับเรื่องการค้าการลงทุนในประเทศอย่างไร เพราะสหรัฐฯจะพุ่งมาที่ประเทศที่มีสินค้าส่งออกเกินดุลการค้า และสินค้าไทยก็จะถูกจับจ้อง เช่นเดียวกับจีน เพราะไทยส่งออกไปอเมริกาจำนวนมาก ต้องพึ่งพาการส่งออก 60% ของจีดีพี และส่งออกอเมริกา10% ของการส่งออกทั้งหมด ตรงนี้เราต้องมาปรับว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เสียโอกาส

นอกจากนั้นต้องผลักดันเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ต้องคำนึงถึง economy scale ที่ไทยเสียเปรียบจีน เพราะเขามีกำลังผลิตมากและการแข่งขันจะสูง จะเกิดสงครามการผลิตที่รัฐบาล จะต้องช่วยเรื่องของภาษีและการดูข้อกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ให้หนักขึ้น ทั้งการซื้อขายออนไลน์ให้ถูกกฎ ให้เคร่งครัดมากยิ่งขึ้น เพื่อสกรีนและช่วยในเรื่องของเอสเอ็มอีประเทศไทย โดยภาพรวมของประเทศจีน มีพื้นที่เกษตรของเขาไม่พอต่อการจะผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ ยังต้องพึ่งพาสินค้าเกษตรจากประเทศอื่นและประเทศไทย ที่มีการเกษตรที่แข็งแรง การส่งออกแข็งแรง เราจึงต้องช่วยเพิ่มตรงนี้มากยิ่งขึ้น ทั้งการถนอมอาหาร ถนอมสินค้า ให้ไปถึงปลายทางอย่างมีคุณภาพเหมือนกับต้นทาง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องหาทางรอดว่าจะต้องทำอย่างไรให้คนไทยมีทางรอด และหาเม็ดเงินใหม่เข้าประเทศ เพราะขณะนี้หนี้ครัวเรือนมากมาย โดยเรามี 3 ทางรอด ที่เป็นโอกาสให้จับต้องได้และเรากำลังพัฒนาอยู่ 1.อาหาร ที่เรามีจุดเด่น คือครัวไทย ที่ต้องการฟื้นครัวไทยสู่ครัวโลก และประเทศไทย สามารถทำการเกษตรที่ฝากอาหารไว้ในประเทศเราได้โดยการถนอมอาหาร ก่อนการส่งออก ยกตัวอย่างในการประชุม GMS ที่ สปป ลาว ที่ทั่วโลกให้การยอมรับยอมและมีความ ต้องการเรื่องเนื้อวัว โดยให้ช่วยดูเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และยังโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งอาหารไทย ที่ได้การออกใบประกาศเป็นการรับรอง ให้กับเชฟและร้านอาหารไทย

2.สุขภาพ เรามี 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงนโยบายได้อย่างง่ายดายและไม่เสียเวลาในการรอคอย โดยเป็นสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับ นอกจากนั้นต้องพัฒนาโรงพยาบาลให้มีคุณภาพ ซึ่งเรามีโรงพยายาลเอกชนที่มีชื่อเสียง ทางการแพทย์และการบริการที่เป็นทองไทยในระดับโลก และมีธุรกิจที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย เช่น มวยไทย มวยไทย ที่เรามีค่ายมวยในต่างประเทศกว่า 40,000 แห่ง ที่ยังไม่ได้รับการรับรอง จึงต้องมาเพิ่มทักษะให้ได้รับการรับรองเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และใช้เทคโนโลยีมาช่วยเรื่องการสกัดสมุนไพรให้เป็นยา เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของสุขภาพ

3.โอกาสทางอุตสาหกรรม ที่สร้างซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะช่วยหาเม็ดเงินเข้าประเทศ และแข่งขันกับประเทศอื่นได้ โดยนำซอฟต์พาวเวอร์จากวัฒนธรรมไทย ที่มีมีโอกาสและมีเสน่ห์ที่ต่างชาติสนใจ จึงต้องให้คุณค่าในเรื่องนี้ โดยนำวัฒนธรรมของทุกจังหวัด เข้ามารวมด้วยกันเพื่อให้ประเทศน่าเที่ยวทั้งปี ให้มีเงินหมุนเวียนเข้าประเทศ เช่น การผลักดันเรื่องภาพยนตร์ เมื่อปี 2567 มี 40 ประเทศ เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยประมาณ 450 เลือก สร้างมูลค่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่วนใหญ่มาจากสหรัฐ ดังนั้นจะเพิ่มการลงทุนเรื่องนี้ 30% เพื่อให้เกิดการเงินหมุนเวียนและการจ้างงาน ทำเกมไทย เช่น โฮมสวีทโฮม ที่นำความเชื่อมาบวกรวมเรื่องราวไสยศาสตร์แบบไทยมาสร้างเอกลักษณ์ให้กับเกมไทยผสมกับเทคโนโลยี และภาพยนตร์เรื่องหลานม่า ที่ได้รับการชื่นชมในต่างประเทศอย่างมาก

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของพลังงานพลังงาน คือ ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอีกประมาณ 10 ปี ก๊าซเหล่านี้หมดไปและขณะนี้เป็นกระแสกันอยู่เรื่องเอ็มโอยู 44 กับทางกัมพูชา ที่เราจะต้องคุยเรื่องนี้ว่าจะต้องแบ่งใช้ก๊าซธรรมชาติร่วมกันอย่างไร จึงต้องมีคณะกรรมการพูดคุยในเรื่องนี้ด้วยโดยไม่เกี่ยวเรื่องเกาะกูด ไม่เกี่ยวและไม่ใช่เพราะเป็นของเราอยู่แล้ว นอกจากนั้นรัฐบาลและเน้นเรื่องพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือก รวมถึงโซลาร์เซลล์ที่จะต้องผลักดัน และโอกาสที่เราจะผลักดันเรื่องเซมิคอนด็อกเตอร์ ที่กำลังศึกษาว่าประเทศไทยจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างไร เพื่อให้ทุกคนจับต้องเข้าถึงโอกาสได้และรัฐบาลกำลังทำให้เกิด

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งหมดนี้รัฐบาลมองเห็นโอกาสของประเทศไทยและพยายามหาเม็ดเงินมาเพิ่มทั้งจากต่างชาติและสร้างงานใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จึงขอฝากทุกคนว่ารัฐบาลจะมีการแถลงสิ่งที่ได้ทำมาในรัฐบาลครบ 90 วันในวันที่ 12 ธ.ค.โดยรับรองว่าจะมีเรื่องของนโยบายที่ดีมาเล่าให้ฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตและจะมีของขวัญปีใหม่ ที่จะมอบอย่างไรให้กับประชาชน.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย