กระบี่ 18 มี.ค. – วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้ประชาชนสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ แม้ตลอดทั้งวันสภาพอากาศร้อนจัด แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อพลังศรัทธาของศาสนิกชน
วันนี้เป็นวันที่ 25 ที่พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ได้อัญเชิญมาประดิษฐานอยู่ในประเทศไทย และคืนนี้ถือเป็นค่ำคืนพิเศษ เพราะเป็นคืนสุดท้ายที่เปิดให้ศาสนิกชนได้เข้าสักการะ ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ โดยเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมามีการจัดเสวนาธรรมวิชัยสู่ศตวรรษแห่งธรรม ใช้ธรรมเป็นอำนาจ และมีแสดงโขนชุดพิเศษ “พระรามข้ามสมุทร สัประยุทธ์พญามาร น้อมนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ” เพื่อร่วมกันน้อมส่งเสด็จพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ กลับอินเดีย ในวันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.)
โดยการแสดงจัดขึ้นบริเวณลานด้านหน้ามหาธาตุเจดีย์ วัดมหาธาตุวชิรมงคล ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีรูปทรงศิลปกรรมแบบเดียวกับเจดีย์พุทธคยาในอินเดีย
เนื้อเรื่องเป็นการบอกเล่าการต่อสู้กันระหว่างพระรามและทศกัณฐ์ ที่ต่อสู้กันยาวนาน แต่สุดท้ายทั้งคู่ตัดสินใจอย่าศึกกันแต่โดยดี เพราะต้องการน้อมส่งเสด็จพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ทำให้ความสงบและความสันติสุขกลับคืนแก่มวลประชา
โดยการแสดงโขนชุดนี้จะใช้เวลาแสดงทั้งสิ้นราว 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งได้รับความสนใจจากศาสนิกชนใน จ.กระบี่ และทั่วภาคใต้ ที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ มาร่วมชมจำนวนมาก
ส่วนบรรยากาศการเข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่วันนี้ประชาชนเดินทางมาสักการะหนาแน่นมากในช่วงเช้า หลายคนบอกว่าเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่ช่วงตี 3 ตี 4 เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ร้อนจัดและการจราจรที่ติดขัดยาวหลายกิโลเมตร
จนถึง ณ เวลานี้ยังมีประชาชนทยอยเข้าไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ซึ่งจะปิดให้เข้าสักการะในอีกไม่ถึง 2 ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว
ขณะที่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทางกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ร่วมกับสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 มีการเปิดเวทีเสวนาในหัวข้อ ธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคา ลุ่มน้ำโขงก้าวสู่ศตวรรตแห่งธรรม หรือการประกาศพลิกโลกด้วยธรรมวิชัย รณรงค์ให้ประชาชนและทุกภาคส่วนใช้ธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช้อำนาจเป็นธรรม เพื่อสร้างสันติสุขให้ให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน
โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย และเลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 เข้าร่วม
เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ระบุว่าขอขอบคุณทางการไทยที่ให้การสนับสนุนทางการอินเดียในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ มาประดิษฐานยังประเทศไทย นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ไม่เพียงเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา แต่ยังเป็นการใช้ธรรมเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งอินเดียและไทย ที่แนบแน่นอยู่แล้วนับ 2,000 ปีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย ถือเป็นการเริ่มต้นหมุนวงล้อแห่งธรรมครั้งใหม่ โดยมีประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้น
ส่วนสาเหตุที่เลือกอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ มาประดิษฐาน ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ เป็นสถานที่สุดท้ายก่อนส่งเสด็จกลับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัดมหาธาตุวชิรมงคล เป็นวัดที่ปรากฏพระนาม “วชิระ” ซึ่งเป็นพระนามของ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” อยู่ด้วย ดังนั้น จึงถือเป็นมงคลอย่างยิ่ง
สำหรับตัวเลขของศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ ซึ่งเริ่มเปิดให้สักการะตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา จนถึงเวลานี้สรุปตัวเลขอย่างไม่เป็นทั้งการรวมทั้งสิ้นกว่า 720,000 คน ส่วนภาพรวมทั่วทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย ทั้งกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ อุบลราชธานี รวมมียอดประชาชนเข้าสักการะทั้งสิ้น 4,127,590 คน เฉพาะที่กระบี่ ททท.สำนักงานกระบี่ ระบุว่า ตลอดช่วง 4 วันนี้มีประชาชนที่หลั่งไหลเข้ามายัง จ.กระบี่ เป็นจำนวนมาก ส่งผลดีต่อภาพรวมทางการท่องเที่ยว เพราะทำให้ร้านอาหารและที่พักถูกจองเต็มทั้งหมด มีเม็ดเงินสะพัดหมุนเวียนในพื้นที่ถึง 2,684 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย