กทม. 5 เม.ย. – หลังคำสั่งมาตรา 44 บังคับเอาผิดกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจราจรตั้งแต่ 21 มีนาคม และประชาสัมพันธ์ 15 วัน ให้ประชารับรู้ วันนี้ เป็นวันแรกตำรวจเริ่มเอาจริงพร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งไม่คาดเข็มขัดนิรภัย หรือนั่งท้ายรถกระบะ แต่ยังปรับขั้นต่ำ 100-200 บาท
คนขับรถแท็กซี่สีชมพูคันนี้ ถูกตำรวจเรียกตรวจ พบว่าคาดเข็มขัดนิรภัยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผู้โดยสาร 2 คน ที่นั่งมาในเบาะหลัง ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย โดยอ้างว่าคนขับแท็กซี่ไม่แจ้ง หรือแนะนำให้คาดเข็มขัด เจ้าหน้าจึงปรับทั้งคนขับและผู้โดยสารขั้นต่ำคนละ 100 บาท
ส่วนผู้โดยสารรู้ตู้สาธารณะ สายอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตรวจพบไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เจ้าหน้าที่จับ-ปรับคนขับรถตู้ ข้อหาไม่จัดให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัด เป็นเงินขั้นต่ำด้วย
วันนี้เป็นวันแรก เจ้าหน้าที่บังคับให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์โดยสารสาธารณะ และจากการสำรวจท้องถนนในกรุงเทพฯ ยังพบรถกระบะมีผู้โดยสารนั่งท้ายหลายคัน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่ง สุ่มตรวจรถยนต์ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบประชาชนทำผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่อ้างไม่ทราบตำรวจจับจริงวันนี้ ข้อหาที่พบทั้งไม่คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งท้ายรถกระบะ และรถแท็กซี่ รับผู้โดยสารเกิน 4 คน ส่วนรถกระบะแคป ไม่อนุญาตให้นั่งโดยสาร แต่ยังอนุโลมเพื่อให้ประชาชนปรับตัว
ผู้ช่วย ผบ.ตร. แนะนำให้รถยนต์โดยสารติดป้ายเตือนผู้โดยสารให้คาดเข็มขัดทุกครั้งที่ใช้บริการ เพื่อป้องกันถูกจับ โดยช่วงนี้ยังใช้มาตรการเบาไปหาหนัก ปรับขึ้นต่ำ 100-200 บาท ก่อนจะปรับหนักตามที่กฎหมายกำหนด
เช้าวันนี้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการผ่านศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ตำรวจทุกท้องที่จับกุมข้อหาจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เมาแล้วขับ และขับเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งปีที่ผ่านมาเทศกาลสงกรานต์มีอุบัติเหตุมากกว่า 4,000 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คน. – สำนักข่าวไทย