ก.คลัง 14 พ.ย. – นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการหนี้นอกระบบต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบมติ ครม.เกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแบบบูรณาการ เพื่อหวังดึงเจ้าหนี้นอกระบบผันตัวกลับเข้ามาอยู่ในระบบ เนื่องจากขณะนี้กระทรวงยุติธรรมอยู่ระหว่างเสนอร่างกฎหมายให้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา จึงไม่ต้องเสนอให้นายกรัฐมนตรีออกมาตรา 44 ดูแลเจ้าหนี้นอกระบบ
นายสมชัย กล่าวว่า เมื่อร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. จึงขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร หรือฝ่ายปกครองช่วยกันดูแลการปล่อยกู้นอกระบบ โดยเก็บดอกเบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนดร้อยละ 15 เพื่อเข้มงวดรอรับแนวทางกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งจะคุมเข้มมากขึ้น ดังนั้น เจ้าหนี้นอกระบบเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี หากไม่มาจดทะเบียนเข้าระบบจะดำเนินการทางกฎหมาย
ทั้งนี้ ขอแนะนำทางออกให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบด้วยการเสนอขอใบอนุญาตผ่านธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และส่งเรื่องมายังกระทรวงการคลัง เพื่อขออนุญาตให้บริการทางการเงินกับลูกหนี้ผ่านระบบธุรกิจสถาบันการเงินขนาดเล็กหรือสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด (พิโคไฟแนนซ์) เนื่องจากที่ผ่านมา ครม.เห็นชอบในหลักการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยให้มีการประกอบธุรกิจพิโคไฟแนนซ์ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ กำหนดทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ปล่อยกู้ให้กับบุคคลธรรมดาทั้งที่มีและไม่มีหลักประกัน วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี โดยต้องปล่อยกู้เฉพาะจังหวัดที่ผู้ประกอบการพิโคไฟแนนซ์จัดตั้งเท่านั้น เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลลูกหนี้ได้อย่างแท้จริง และลดความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
สำหรับการดูแลลูกหนี้ กระทรวงการคลังได้สั่งการให้ธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส.ร่วมจัดตั้ง Business Unit ทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อเพื่อนำไปชำระหนี้หนี้นอกระบบ หรือออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินเช่นเดียวกับพิโคไฟแนนซ์ รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยตลอด 24 ชั่วโมง โดยกระทรวงการคลังกำหนดเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (KPI) ของธนาคารทั้ง 2 แห่งด้วย กระทรวงการคลังได้ตั้งคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้ การนำลูกหนี้ไปช่วยฟื้นฟูอาชีพ ปัจจุบันมีลูกหนี้นอกระบบทั่วประเทศ 1.185 ล้านคน มูลหนี้ประมาณ 123,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะช่วยเหลือลูกหนี้ตามมาตรการให้ได้ร้อยละ 20 ต่อปี หรือประมาณ 240,000 รายต่อปี มูลหนี้ประมาณ 25,000 ล้านบาทต่อปี
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีกรมศุลกากรติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์กระเป๋าสัมภาระบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อความสะดวกไม่ต้องค้นกระเป๋าและติดตามดูการขนสินค้าแบรนด์เนมเข้ามาในประเทศโดยไม่สำแดงภาษีกรณีการขายผ่านออนไลน์ เพื่อนำเครื่องมือมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากขอจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อไปแล้ว เมื่อผ่านการตรวจจะได้ติดแท็กไม่ต้องตรวจซ้ำ เป็นการอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบสินค้า และแนวทางดังกล่าวในต่างประเทศดำเนินการลักษณะเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย