ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ผีจ้างรถตู้ไปส่งวัดร้าง



นครพนม 16 ม.ค.-ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ผีจ้างรถตู้ เจ้าตัวเชื่อเรื่องลี้ลับ ผวารถตู้หวิดตกเขื่อน ชาวบ้านแห่ซื้อหวยเสี่ยงโชคทะเบียนรถ เชื่อเป็นความศักดิ์สิทธิ์วัดร้าง


16-1-2560 23-03-58 16-1-2560 23-04-15

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีข่าวลือเกี่ยวกับกรณีเกิดเรื่องแปลกมีผีว่าจ้างคนขับรถตู้ไปส่งในวัดร้าง เขต ต.พุ่มแก อ.นาแก จ.นครพนม จนกลายเป็นข่าวลือสะพัดไปทั่วสื่อออนไลน์ จนกระทั่งผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านของเจ้าของรถ คือ นายเด่นชัย จันทร์ไตรรัตน์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 10 บ้านขอนกองใหม่ ต.นาหนาด อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ซึ่งเป็นเจ้าของรถตู้ที่มีข่าวลือว่า ถูกผีจ้างไปส่งที่วัดร้าง ซึ่งทางเจ้าของรถได้ยืนยันว่าเกิดเหตุการณ์แปลกขึ้นจริง ซึ่งรถตู้คันเกิดเหตุเป็นรถตู้ยี่ห้อ โตโยต้า สีบรอน ทะเบียน นข 3777 สกลนคร และหลังเกิดเรื่องแปลกขึ้นทางญาติพี่น้องได้นำพระมาสวดทำบุญบ้านและรดน้ำมนต์ เจิมรถสะเดาะเคราะห์ ตามความเชื่อ เพื่อให้เกิดโชคลาภ

โดยทาง นายเด่นชัย จันทร์ไตรรัตน์ อายุ 43 ปี เจ้าของรถตู้ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 12 มกราคม 2560 ขณะได้ขับรถตู้มาทำธุระในเทศบาลตำบลนาหนาด ขากลับได้เกิดเรื่องแปลก เดินไปที่รถได้มีพระสงฆ์ กับญาติโยม นั่งในรถหลายคน ตอนแรกรู้สึกแปลกใจ แต่คิดย้อนหลังเหมือนมีสิ่งดลใจให้ไปส่งพระสงฆ์กับญาติโยม และแม่ชี โดยไม่ได้คิดอะไร จึงขับรถออกจากเทศบาลตำบลนาหนาด มุ่งหน้าไปตามถนนนาหนาด ไปยัง อ.นาแก และเลี้ยวเข้าไปยังถนนในหมู่บ้าน ผ่านบ้านโพนดู่ มุ่งหน้าขึ้นไป ตามถนนหมู่บ้าน ไปยังอ่างเก็บน้ำนายาง ต.พุ่มแก อ.นาแก จ.นครพนม โดยจะมีเส้นทางผ่านวัดร้าง ป่าช้าของหมู่บ้าน เส้นทางลำบากเป็นหลุมเป็นบ่อ ระยะทางไกล ถึงจุดเกิดเหตุที่พบรถ เป็นเขื่อนกั้นน้ำอ่างนายาง รวมประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ใกล้กับสำนักสงฆ์ร้าง ชื่อ สำนักสงฆ์สิริภูวนัย เขตบ้านนายาง ต.พุ่มแก อ.นาแก จ.นครพนม


ตลอดเส้นทางในความรู้สึกไม่ได้มีการพูดคุย หรือไม่ได้แปลกใจกับเส้นทาง มานึกทีหลังรู้เพียงว่าจะไปส่งพระสงฆ์ กับญาติโยม ชี ที่ต้องการจะไปปฏิบัติธรรม บวกกับตนเองชอบไปวัดทำบุญ และทำบุญส่งญาติโยม พระสงฆ์ ที่ชอบไปปฏิบัติธรรม เนื่องจากมีอาชีพขับรถตู้รับจ้าง จนกระทั่งเกิดเรื่องแปลกเมื่อรถตู้ของตนเองไปตกบริเวณคลองระบายน้ำสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำ แต่จากการตรวจสอบภายหลังเป็นสถานที่ไม่เชื่อว่าจะขับรถลงไปได้ เพราะเส้นทางลำบาก และเป็นสันเขื่อน สูง แต่ตนเองยังขับรถลงไปในคลองส่งน้ำสันเขื่อนแบบไม่รู้ตัว โชคดีรถไม่พลิกคว่ำได้รับบาดเจ็บ พอรู้ตัวตอนล้อหน้ารถตกขอบคลองระบายน้ำ บวกกับญาติพี่น้องได้โทรตามหา เพราะได้หายไปแต่ช่วงหัวค่ำ จนตามพบเวลาประมาณ 23.00 น. วันเดียวกัน ทำให้รู้สึกตกใจตัวเองว่ามาได้อย่างไร ญาติพี่น้อง และชาวบ้าน จึงได้นำรถยกไปลากรถตู้ขึ้นมาแบบทุลักทุเล
เรื่องนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องของความเชื่อ สิ่งลี้ลับที่พิสูจน์ยาก แต่ยืนยันว่าไม่ได้เมาจนขาดสติ หรือมีปัญหาเรื่องอื่น เพราะเส้นทางไม่เคยรู้จักและไม่เคยไปมาก่อน แต่เป็นเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง พอมารู้ทีหลังยังตกใจในสภาพที่เกิดเหตุ โชคดีที่ปลอดภัย และได้นิมนต์พระมาทำบุญบ้าน รดน้ำมันรถตู้คันเกิดเหตุ เชื่อว่าหลังจากนี้อาจจะได้รับโชค เพราะชอบทำบุญตลอด รวมถึงเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของวัดร้าง ที่อาจต้องการให้คนเคารพศรัทธา และไปพัฒนาทำบุญ หลังถูกทิ้งร้างมาหลายปี

ด้าน นายสุรเนตร พ่อชัย อายุ 49 ปี ญาติคนขับรถตู้ กล่าวว่า ตอนแรกยังไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องของสิ่งลี้ลับ แต่ไปตรวจสอบสภาพหลังเกิดเหตุ รวมถึงประเมินเหตุการณ์หลายอย่างแล้วถือว่าแปลกมาก ตั้งแต่เส้นทางที่ขับรถเข้าไปที่ลึกมาก สภาพถนนหนทางลำบาก และยังเป็นช่วงกลางคืน ถ้าคิดว่าเมา หรือมีอาการอย่างอื่น คงพอตั้งสติได้ หรืออาจเกิดรถเสียหลักตกถนน แต่รถขับเข้าไปถึงสันเขื่อนที่เป็นจุดสำนักสงฆ์ร้างพอดี และยังขับลงไปในคลองระบายน้ำสันเขื่อนที่มีความลึก จนลงไปถึงจุดที่รถไปต่อไม่ได้ โชคดีรถไม่ตกน้ำพลิกคว่ำ และคนขับได้สติโทรหาญาติให้มาช่วยเหลือ หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องงมงาน แต่สำหรับชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเรื่องแปลก และเป็นเรื่องของสิ่งลี้ลับยากต่อการพิสูจน์ ถึงแม้จะขาดสติ หรือเมาขนาดไหน คงยากที่จะขับรถเข้าไปจุดดังกล่าว อีกทั้งไม่ใช่เส้นทางผ่าน และปกติคนขับเองก็ไม่เคยไป ส่วนคนขับไม่เคยมีอาการเมาจนขนาดสติขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทางครอบครัวเป็นเรื่องของผีสางเทวดา ที่มาดลใจ หรืออาจจะเป็นการนำโชคลาภมาให้ก็เป็นได้ บางคนนำเลขทะเบียนไปเสียงโชคตามความเชื่อ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.แจงปมขอรับบริจาคลวดหนาม จำเป็นต้องใช้เร่งด่วน

กองทัพบก 13 ส.ค.- โฆษก ทบ. แจงกองทัพภาค 2 ขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เหตุจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล สกัดการลักลอบเข้าพื้นที่ของทหารกัมพูชา ชี้หากรอกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ใช้เวลา 1 เดือน ย้ำรัฐบาล-กองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันรัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน “การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าวและว่า […]

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]

สภาถกงบฯ 69 วันแรก “พิชัย” แจงหั่นงบ 8,920 ล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค. – ที่ประชุมสภาฯ เริ่มถกงบฯ 69 วันแรกแล้ว “พิชัย” แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณ 69 เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน […]