น้ำท่วมภาคใต้ยังไม่พ้นวิกฤติ


ภูมิภาค 22 ม.ค.-สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่จังหวัดพัทลุงยังไม่พ้นวิกฤติ แม้ฝนได้หยุดตกมาแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่หลายพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมสูงเป็นระลอกที่ 4 โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่ม 7 ลุ่มน้ำหลักที่มีน้ำไหลลงมาจากเขตรักษาพันสัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด ในพื้นที่ อ.ควนขนุน อ.เมือง อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว อ.ปากพะยูน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มริมทะเลาสาบสงขลา จากปริมาณฝนที่ตกลงมาช่วงวันที่ 19-20 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำลงมาเติมเต็มในพื้นที่ลุ่มดังกล่าว จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มยังคงได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ 5 อำเภอ

t2 t3


ขณะที่ฝนที่ตกลงมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำอ่างเก็บน้ำวังเลนพื้นที่ ตำบลเกาะเต่า อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ล้นสปริงเวย์มา 3 วัน เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่เกินปริมาตรการกักเก็บที่ 20 ล้านลูกบาตรเมตร และน้ำล้นปสริงเวย์อยู่ที่ 30 ซม. เจ้าหน้าที่ชลประทานต้องเปิดประตูน้ำเพื่อรักษาระดับการกักเก็บ ทำให้พื้นที่ท้ายอ่างด้านล่าง ที่เป็นพื้นที่รองรับน้ำก่อนลงสู่ทะเลสาบ หลากท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ หมู่ 2, 7, 10 ตำบลแหลมตะโหนด อำเภอควนขนุน ชาวบ้านกว่า 200 ครอบครัว ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากน้ำท่วมขังบ้านเรือน บางรายน้ำท่วมบริเวณบ้านมานาน ต้องทำสะพานไม้เพื่อเดินทางเข้าออก เพราะน้ำที่ท่วมขังมานานเกือบ 2 เดือน ทำให้น้ำกัดเท้า

t4 t5

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ริมทะเลสาบสงขลา แม้ว่าขณะนี้โดยรวมจะคลี่คลายแล้วแต่ก็ยังมีบางจุดที่น้ำท่วมขัง ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตอยู่กลางน้ำมาเกือบ 1 เดือน เช่นที่ ต.คูขุด อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งระดับน้ำยังสูงประมาณหัวเข่า และชาวบ้านยังคงต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องทั้งเครื่องยังชีพและยารักษาโรค โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ล่าสุดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเครือข่ายของภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม โรงสีแดงลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงที่ ต.คูขุด อ.สทิงพระ นำถุงยังชีพ น้ำดื่ม ผ้าอ้อมและเงินจำนวนหนึ่ง ไปมอบให้กับผู้ป่วยติดเตียง 28 คน จากการสำรวจพบว่ามีผู้ป่วยติดเตียงอีก 100 ราย ที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วม


t6 t7

ส่วนที่จังหวัดตรัง อบจ. ได้นำเครื่องจักรกลขนาดใหญ่เข้าซ่อมแซมพนังกั้นแม่น้ำตรังที่ทรุดตัว 1 จุด ที่ตำบลนาตาล่วง อ.เมืองตรัง จากทั้งหมด 3 จุด อย่างเร่งด่วน เพื่อหวังกั้น มวลน้ำจากพื้นที่ อำเภอทุ่งสง จากจังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ที่อาจไหลมาสมทบและมีปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมว้ำระลอก 3 ในพื้นที่ ตำบลนาตาล่วงได้ ส่วนระยะยาวจะต้องมีการก่อสร้างพนังกั้นแม่น้ำตรังถาวร คาดใช้งบประมาณสูงกว่า 300 ล้านบาท

t9 t10

ขณะที่มวลน้ำรอบที่ 3 ได้ท่วมถ้ำเลเขากอบ อ.ห้วยยอด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์จนต้องประกาศปิดต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยที่หมู่ที่ 4 ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด มีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 200 หลังคาเรือน สูงตั้งแต่ 20-80 เซนติเมตร และยังขยายวงกว้างเข้าท่วมหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 ต.หนองตรุด อ.เมืองอีกหลายสิบหลังคาเรือน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ทราบล่วงหน้า โดยยังไม่ได้ขนย้ายทรัพย์สินจากรอบที่ 2 กลับเข้าบ้านแต่อย่างใด

t1 t8

นายกาส เส็นโต๊ะเย็บ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดยะลา เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.ยะลา หลังฝนตกหนักต่อเนื่องห้วงวันที่ 17 ม.ค 60 ที่ผ่านมา มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 3 อำเภอ 24 ตำบล 109 หมู่บ้าน 2 ชุมชน ประชาชนเดือดร้อน 3,307 ครัวเรือน 13,881 คน เสียชีวิต 1 ราย อพยพ 47 ครัวเรือน 211 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง พื้นที่การเกษตร 1,977 ไร่ อ.เมืองยะลา พื้นที่ประสบอุทกภัยจำนวน 8 ตำบล 44 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 1,317 ครัวเรือน 5,266 คน เสียชีวิต 1 ราย อพยพ 30 ครัวเรือน 133 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง พื้นที่การเกษตร 650 ไร่ อ.รามัน พื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 11 ตำบล 44 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน1,000 ครัวเรือน 3,565 คน พื้นที่การเกษตร 1,327 ไร่ อ.ยะหา พื้นที่ประสบอุทกภัยจำนวน 5 ตำบล 2 ชุมชน 21 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 914 ครัวเรือน 4,661 คน

นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช ลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมระบุว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นกับแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติในภาคใต้หลายจังหวัด เช่นสงขลา กระบี่ นครศรีธรรมราช จากอุทกภัยถึง 3 ระลอก จนถึงขณะนี้ความเสียหายยังไม่ชัดเจน หลังสถานการณ์คลี่คลายจะสำรวจความชัดเจนเพื่อจัดการแผนฟื้นฟูต่อไป ส่วนในผลกระทบในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชล่าสุด ระดับน้ำลดลงเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศ ฝนตกหนักในภาคใต้และคลื่นลมแรงในอ่าวไทยระหว่างวันที่ 21-25 ม.ค.60 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ และอาจเกิดดินถล่ม ดินไหลและน้ำป่าไหลหลาก โดยใน จ.นครศรีธรรมราช ได้แก่ อำเภอเมือง, นบพิตำ, ลานสกา, ร่อนพิบูลย์, พิปูน, สิชล, ฉวาง, ขนอม และเชียรใหญ่

นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งการให้ทุหกหน่วยงานเตรียมรับสถานการณ์ และให้นายอำเภอแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนทราบโดยตรง พร้อมทั้งติดตั้งป้ายเตือนบริเวณพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบ จากปริมาณน้ำฝนสะสมจนให้เกิดน้ำป่าไหลหลากดินถล่ม เตรียมสถานที่จุดอพยพ และแจ้งประชาชนล่วงหน้า กรณีที่ฝนตกหนักถึงหนักมากเกิน 90 มิลิเมตร/ 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้