คสช.ใช้มาตรการ ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ ช่วงเทศกาลปีใหม่

sirichanกองทัพบก 19 ธ.ค.- คสช.ใช้มาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ช่วงเทศกาลปีใหม่ เพิ่มจุดตรวจ ด่านตรวจในเส้นทางหลัก-เส้นทางรอง หวังลดอุบัติเหตุ


พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า วันนี้ (19 ธ.ค.)  พล.อ.เทพพงศ์  ทิพยจันทร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช. กำชับให้ทุกส่วนเร่งดำเนินการตามข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการอำนวยความสะดวกประชาชน และการรักษาความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่

“คสช.จะยังคงใช้มาตรการเดิมในการดูแลประชาชน ในห้วงเทศกาลปีใหม่นี้ ได้แก่  ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ, การป้องปรามการกระทำผิดกฎหมาย, การอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และการสนับสนุนการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในทุกพื้นที่ โดยในช่วง 7 วัน ในระหว่าง 29 ธันวาคม 2559 – 4 มกราคม 2560 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จะดำเนินการร่วมกับทุกภาคส่วนในการรักษาความปลอดภัย และลดอุบัติเหตุทางถนน” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว


พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า  ขณะนี้มีการเตรียมพร้อมในเรื่องเครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย  ความพร้อมทางด้านการแพทย์หากเกิดอุบัติเหตุขนาดใหญ่  จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว สำหรับเข้าคลี่คลายในสถานการณ์ต่างๆ   ควบคู่ไปกับการตั้งจุดบริการประชาชน พักรถ พักคน ในเส้นทางต่างๆ ทั่วประเทศ   ขณะที่   มาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” จะมีการเพิ่มจุดตรวจ ด่านตรวจในเส้นทางหลัก โดยเฉพาะทางตรงระยะยาว เพื่อให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะชะลอความเร็ว และมีการตั้งจุดตรวจร่วมในเส้นทางรอง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางหลัก หรือจุดเสี่ยงจุดล่อแหลมที่มีสถิติเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อให้การป้องกันอุบัติเหตุมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า  สำหรับในพื้นที่ชายแดน เจ้าหน้าที่จะเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลผ่านเข้า-ออก ประเทศ และป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายด้วย โดยในขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้ร่วมกันเตรียมการ ทั้งการจัดตั้งกองอำนวยการร่วม  การทดสอบสถานการณ์ การตรวจสอบอุปกรณ์ อาทิ กล้องวงจรปิด ไฟฟ้าส่องสว่าง การตรวจสอบและจัดเตรียมพื้นที่ที่จะใช้ในการจัดกิจกรรมให้มีความสะดวกสบาย รองรับจำนวนประชาชน ที่จะเข้ามาร่วมกิจกรรมได้อย่างเหมาะสม

” คสช. ขอความร่วมมือประชาชน ได้เตรียมความพร้อมส่วนบุคคล ตรวจสอบยานพาหนะ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในการเดินทาง และร่วมกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยกันสร้างสังคมให้มีความปลอดภัยและเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างมีความสุข” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว         .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]