เชียงราย 28 พ.ย.-นายกฯ กำชับที่ประชุม กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน การดำเนินงานต้องเกิดต่อประชาชนอย่างชัดเจนในปี 2560 สอดคล้องแผนพัฒนาเศษฐกิจฯ เชื่อมโยงไทยแลนด์ 4.0 และต้องเชื่อมโยงการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรมและการเกษตรควบคู่กันไป ยันรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังคะแนนเสียง แต่ต้องการให้ทุกคนมีอนาคต มีอาชีพ และรายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ เดินทางถึงมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อร่วมการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) โดยทันทีที่เดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้สักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบรมราชชนนี โดยมีคณะอาจารย์และนักศึกษาให้การต้อนรับ พร้อมถ่ายรูปกับนายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังอาคารสำนักงานอธิการบดี เพื่อเป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ทั้งส่วนกลาง และ กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน
หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ร่วมกับ กรอ.ส่วนกลางและกรอ.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ว่า วันนี้มารับฟังความคิดเห็นและความต้องการของคนในพื้นที่ โดยรัฐบาลต้องการขยายศักยภาพของทุกภูมิภาคไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยที่ประชุม กรอ.ได้เห็นชอบในหลักการทุกโครงการที่จังหวัดเสนอเข้ามา แต่ต้องกลับไปจัดทำรายละเอียดของโครงการต่าง ๆ ให้มีความชัดเจนอีกครั้ง อาทิ การขยายเส้นทางถนน 4 เลน ขยายด่าน 3 ด่าน และการพัฒนาแหล่งน้ำ 20 โครงการ อีกทั้งเห็นชอบก่อสร้างรถไฟสายเด่นชัย-แพร่-เชียงราย- เชียงของ โดยจะให้เริ่มดำเนินการในระยะที่ 1 ในปี 2560
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องมาทบทวนว่าอะไรที่ทำไปแล้วและเกิดผลต่อประชาชน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในปี 2560 และสอดคล้องกับแผนสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และเชื่อมโยงสู่ไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงได้หารือว่าทำอย่างไรถึงเพิ่มมูลค่าและหารายได้ให้ประชาชนมากขึ้น โดยต้องมีการเชื่อมโยงการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรมและการเกษตรกรรมควบคู่กันไป
“ขออย่ามองว่ารัฐบาลทำแบบเดิม ๆ เหมือนที่ผ่านมา แต่ต้องทำในเชิงโครงสร้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก หากเศรษฐกิจในภาพใหญ่ยังไม่แข็งแรง วันนี้จึงเป็นเสมือนการหล่อเลี้ยงต้นไม้ไม่ให้เหี่ยวเฉาและใส่ปุ๋ยให้ยั่งยืน เพราะนี่คือประเทศไทยของเรา และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังคะแนนเสียง แต่มุ่งหวังเพียงให้ทุกคนมีอนาคต มีอาชีพและรายได้ ซึ่งได้หารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีว่าในปีหน้าจะหาเงินจำนวนหนึ่ง พัฒนาให้ทุกอย่างเกิดขึ้นในระดับมหภาคและเชื่อมโยงกับสิ่งที่ทำไปแล้ว อีกทั้งงบประมาณในปี 2561 จะทำในส่วนของกลุ่มจังหวัดมากขึ้น ขณะเดียวกันในการช่วยเหลือชาวนา ไม่ใช่เพียงทำให้มีรายได้ดีขึ้นแล้วจะจบ แต่ต้องดูทั้งระบบ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลวางยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งไม่ใช่คิดเพื่อการเมือง แต่คิดว่าเป็นการบ้านว่าจะสำเร็จหรือไม่ในอีก 20 ปี ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา ผมไม่อยากให้มุ่งหวังแต่เรื่องการเมือง เพราะวันนี้ต้องเอาประเทศชาติมาก่อน อย่างไรก็ตาม ต่อไปจะไม่มีใครแยกประเทศได้อีกแล้ว แต่ต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เพราะเรามีสถาบัน มีหัวใจเดียวกัน คือ หัวใจของคนไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรีได้ปลูกต้นยางนา บริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานอธิการบดี
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยี่ยมชมโครงการสวนพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พร้อมรับฟังบรรยายสรุปโครงการสนับสนุนเชียงรายเมืองสมุนไพร และการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อสุขภาพ อาทิ มะเกลือ ผักปั๋ง มะแขว่น มะขามป้อม ฟ้าทะลายโจร และขมิ้นชัน
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้ประชาชนเข้าถึงการใช้สมุนไพร ก่อนที่จะใช้ยาแผนปัจจุบัน ขณะเดียวกันอยากให้นำแนวคิดของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในเรื่องการปลูกต้นไม้สองข้างทางของท้องถนนให้สวยงาม และให้ออกดอกพร้อม ๆ กัน เช่นเดียวกับดอกซากุระที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทาง
หลังเสร็จสิ้นการเยี่ยมชมโครงการสวนพฤกษศาสตร์ นายกรัฐมนตรีออกจากเดินทางจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เพื่อเดินทางกลับกลับกรุงเทพฯ.-สำนักข่าวไทย