กรุงเทพฯ 28 พ.ย.-เปิดแบบพระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยึดแนวคิดหลัก “ราชวงศ์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์” ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติสูงสุด เตรียมนำเข้า ครม.วันพรุ่งนี้ ส่วนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมปี 2560
ที่เห็นอยู่นี้เป็นแบบพระเมรุมาศ และสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยงานด้านสถาปัตยกรรม แบ่งอาคารออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอาคารในมณฑลพิธี ณ ท้องสนามหลวง ประกอบด้วย พระเมรุมาศเป็นทรงบุษบก 9 ยอด สูง 50.49 เมตร มีชั้นเชิงกลอน 7 ชั้น ผังพื้นที่ใช้งานเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 60 เมตร มีบันไดทั้งสี่ด้าน ฐานยกพื้นสูง
ส่วนงานศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศ คือ อาคาร ฉัตร เทวดา สัตว์หิมพานต์ งานเขียนฉากบังเพลิงและจิตรกรรมฝาผนัง จะแสดงเรื่องราวโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สอดคล้องกับการออกแบบภูมิทัศน์ มีการสร้างสระน้ำบริเวณ 4 มุม และจำลองกังหันน้ำชัยพัฒนา เครื่องดันน้ำ เป็นต้น
คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศและบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ดำเนินการตาม 3 แนวคิด คือ 1.สมพระเกียรติงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระมหากษัตริย์ 2. ตามหลักราชประเพณีโบราณสมัยรัตนโกสินทร์ และ 3.คติไตรภูมิตามคำภีร์พระพุทธศาสนา และคติความเชื่อเรื่องพระมหากษัตริย์ ในสถานะเสมือนสมมติเทพ ตามประกอบ
สำหรับรายละเอียดส่วนอื่น คือ การจัดสร้างพระโกศพระบรมอัฐิ ประกอบด้วย พระโกศหลัก 1 พระโกศ พระโกศรอง 5 พระโกศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ และจะนำกราบบังคมทูลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยต่อไป
ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ เจ้าหน้าที่จะเข้าตอกหมุดจุดกึ่งกลางพระเมรุมาศในพื้นที่ฝั่งทิศใต้ของท้องสนามหลวง ซึ่ง กทม.จะล้อมรั้วเพื่อดำเนินการก่อสร้างพระเมรุมาศ วันที่ 10 มกราคม 2560 และคาดว่าการดำเนินงานทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนปี 2560.-สำนักข่าวไทย