กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – โควิด-19 กระทบแผนน้ำมัน เลื่อนบังคับใช้บี 7 อี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐาน ต.ค.63 จับตาบอร์ดสิ่งแวดล้อม 20 ก.ค.เลื่อนบังคับใช้ EURO5 เป็นปี 68
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยในงานสัมมนาทิศทางพลังงานทดแทน ในหัวข้อ “ทิศทางน้ำมันเชื้อเพลิง” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการพลังงาน ว่า กระทรวงพลังงานจะเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ วันที่ 20 กรกฎาคมนี้ เสนอปรับแผนประกาศใช้น้ำมันมาตรฐานยุโรประดับที่ 5 (EURO5) จากแผนเดิมจะประกาศใช้วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นวันที่ 1 มกราคม 2568 เนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นน้้ำมันเสนอว่าผลกระทบจากล็อกดาวน์ เพื่อสกัดกั้นโควิด-19 มีการปิดสนามบิน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศไม่สามารถเดินทางเข้ามาตรวจงานปรับปรุงโรงกลั่นของไทยได้ ทำให้การลงทุนของทุกโรงกลั่น มูลค่ารวมประมาณ 50,000 ล้านบาท ต้องล่าช้ากว่าแผน อย่างไรก็ตาม การจะเลื่อนหรือไม่ อยู่กับมติที่ประชุม
นอกจากนี้ ผลกระทบโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้ความต้องการใช้พลังงานลดลงและกดราคาน้้ำมันให้ต่ำมากก็ได้กระทบต่อการใช้พืชน้ำมันลดลงตามไปด้วย ดังนั้น แผนงานต่าง ๆ ก็ต้องเลื่อนไป เช่น แผนงานการประกาศให้อี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐานและยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ก็คงเลื่อนไปเป็นการยกเลิกในช่วงปี 2564 ซึ่งในส่วนนี้ยังเกี่ยวโยงกับปริมาณเอทานอล ซึ่งที่ผ่านมามีการนำไปผลิตแอลกอฮอล์ทางการแพทย์แก้ไขปัญหาขาดแคลน
สำหรับการเตรียมตัวประกาศใช้อี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐานกลุ่มเบนซินต้องใช้เวลาประมาณ 9 เดือน ขั้นตอนแรกจะดำเนินการให้ราคาแก๊สโซฮอล์ 91 เท่ากับราคาแก๊สโซฮอล์ 95 ก่อน จากปัจจุบันราคาห่างกันเพียง20 สตางค์ต่อลิตร พร้อมกับให้โรงกลั่นน้ำมันและคลังเตรียมพร้อมยกเลิกการผลิตและเก็บแก๊สโซฮอล์ 91 ขั้นตอนต่อไปจะทำให้ราคาอี 20ถูกกว่าโซฮอลล์ 95 ประมาณ 3-4 บาทต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้อี 20 มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การใช้เอทานอลไปสู่เป้าหมายที่ 7.5 ล้านลิตรต่อวันได้ จากปัจจุบันใช้อยู่ 4-5 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ตามแผนงานจะยกเลิกอี 85 ในปี 2565 ยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 95 ในปี 2570
ส่วนกลุ่มน้ำมันดีเซล กำลังอยู่ระหว่างผลักดันให้ไบโอดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานของกลุ่มดีเซล ซึ่งตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 บี 10 จะต้องเปลี่ยนชื่อเป็นดีเซล ส่วนไบโอดีเซลบี 7 มีแผนจะยกเลิกปี 2575 เนื่องจากคาดว่าเป็นปีที่รถรุ่นเก่าจะหมดไปจากตลาด
ทั้งนี้ กรมฯ ตั้งเป้าหมายการใช้บี 10 ให้ถึง 50 ล้านลิตรต่อวันในเดือนกันยายน 2563 จากปัจจุบันใช้อยู่ 19-20 ล้านลิตรต่อวัน และตั้งเป้าหมายให้เกิดการใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100% หรือบี 100 จำนวน 7.5 ล้านลิตรต่อวันในปี 2580 จากปัจจุบันใช้อยู่ 5.5 ล้านลิตรต่อวัน และยอดใช้เอทานอลจะมีประมาณ 7.5ล้านลิตร/วัน
นอกจากนี้ ตามแผน Oil Plan 2018 กำหนดให้รถที่ใช้ก๊าซหุงต้ม (LPG) เป็นเชื้อเพลิงต้องหมดไปจากตลาดปี 2580 ด้วย
นายอรรพล ฤกษ์พิบูลย์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า โรงกลั่น กลุ่ม ปตท.เดินหน้าลงทุนยูโร 5 ตามแผนงานกำหนด กรณีรัฐจะเลื่อนประกาศบังคับใช้ ก็คงต้องรอดูประกาศที่ชัดเจน ส่วนการลดชนิดน้ำมันนั้นเห็นด้วย เพราะปัจจุบันไทยมีชนิดน้ำมันที่มากที่สุดในโลก ส่วนกรณีการระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 กลุ่ม ปตท.ได้ติดตามสถานการณ์และตั้งทีมติดตามอย่างใกล้ชิด และปรับตัวให้ทันสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย