ตั้งคณะทำงานโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลพื้นที่ EEC

ทำเนียบรัฐบาล 3 ก.ค.-“พล.อ.ประวิตร” ประชุมอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ ฯ เร่งรัดสทนช.ตั้งคณะทำงานติดตามแผนพัฒนาแหล่งน้ำ 17 โครงการสำคัญ พร้อมตั้งคณะทำงานพัฒนาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลพื้นที่ EEC ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 2/2563 โดยมีนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ และร่วมกันพิจารณาทบทวนเป้าหมายขับเคลื่อนโครงการสำคัญ รวมถึงปรับปรุงเร่งรัดแผนงานก่อสร้างภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก่อนให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วนมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี เนื่องจากการขยายตัวทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ที่มีแผนพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการเจริญเติบโตทุกด้าน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในอนาคต รัฐบาลได้มอบหมายให้สทนช.จัดทำแผนการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ดังกล่าว 38 โครงการ สามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ถึง 872 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยได้รับจัดสรรงบประมาณขับเคลื่อนแล้ว 16 โครงการ 


“เมื่อเสร็จตามแผนงานก่อสร้าง ปี 2565 จะมีปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น 253.6 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการระบบสูบกลับคลองสะพาน-อ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง (ปี 2560-2565) ที่ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมอบหมายให้กรมชลประทานเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2564 ส่วนอีก 22 โครงการ มีแผนงานตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป โดยการประชุมในวันนี้ มีโครงการสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อน 17 โครงการ ใน 7 กลุ่มโครงการ ได้แก่ 1.โครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 2565-2566 ซึ่งสทนช. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เร่งขับเคลื่อนโครงการ โดยมอบหมายปตท.และอีสท์ วอเตอร์รวบรวมข้อมูลด้านเทคโนโลยีและวิเคราะห์ราคาค่าน้ำที่เหมาะสมคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อกำหนดหน่วยงานของรัฐขับเคลื่อนโครงการฯ ให้เป็นรูปธรรมภายในปี 64” พล.อ.ประวิตร กล่าว 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า 2.โครงการพัฒนากลุ่มบ่อน้ำบาดาลสำหรับอุตสาหกรรม 12 ล้านลูกบาศก์เมตรของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นการพัฒนาน้ำบาดาลระดับลึก ใช้งบประมาณจากกองทุนน้ำบาดาล ปี 2563 ศึกษาสำรวจและประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC เมื่อศึกษาแล้วเสร็จ ให้เสนอผลการศึกษาต่อ สทนช. เพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนโครงการฯ ให้เป็นรูปธรรมภายในปี 2564 และให้ทำแผนที่ศักยภาพน้ำบาดาลระดับลึกครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดในระยะต่อไป

“3.กลุ่มโครงการอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำบางปะกง 2 โครงการ ของกรมชลประทาน ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำหนองกระทิง จ.ฉะเชิงเทรา ความจุ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 2565-2568 และโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง จ.ฉะเชิงเทรา ความจุ 27.5 ล้านลูกบาศก์เมตร กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 2566-2568 4.กลุ่มโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จ.ระยอง 2 โครงการ ของกรมชลประทาน ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จ.ระยอง ความจุ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร แผนงานก่อสร้าง ปี 2566-2568 ซึ่งเป็นโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนิน และโครงการเครือข่ายน้ำอ่างเก็บน้ำคลองโพล้-ประแสร์ จ.ระยอง ความจุ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร แผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 2569-2570 ที่ประชุมเร่งรัดให้ดำเนินการภายได้ในปี 2566 เพื่อสามารถผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ไปอ่างเก็บน้ำประแสร์ได้เร็วขึ้น 3 ปี” พล.อ.ประวิตร กล่าว


พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า 5.กลุ่มโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของแหล่งน้ำเดิม 4 โครงการ ของกรมชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำเดิมในเขตพื้นที่ EEC ประกอบด้วย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำมาบประชัน จ.ชลบุรี ได้น้ำ 0.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ก่อสร้างปี 2564 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำคลองประแกด จ.จันทบุรี ได้น้ำ 19.74 ล้านลูกบาศก์เมตร ก่อสร้างปี 2564 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำบ้านบึง จ.ชลบุรี ได้น้ำ 2.4 ล้านลูกบาศก์เมตร ก่อสร้างปี 2565 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง จ.สระแก้ว ได้น้ำ 17.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ก่อสร้างปี 2565

“6.กลุ่มโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา 2 โครงการ ของกรมชลประทาน ประกอบด้วย โครงการอุโมงค์ส่งน้ำอ่างเก็บน้ำพระสะทึง-คลองสียัด ความจุ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีแผนงานก่อสร้างใน ปี 2571-2575 ที่ประชุมเสนอให้เร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมโครงการใน ปี 2565 เพื่อปรับแผนก่อสร้างให้เร็วขึ้นอีก 2 ปี และโครงการระบบสูบกลับอ่างเก็บน้ำคลองสียัด ความจุ 6 ล้านลูกบาศก์เมตร กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 2571-2573 เสนอปรับแผนก่อสร้างให้เร็วขึ้นในปี 2566-2568” พล.อ.ประวิตร กล่าว 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า 7.กลุ่มโครงการเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง และปรับปรุงขยายเขตการประปาส่วนภูมิภาค จ.ชลบุรี 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ความจุ 99.5 ล้านลูกบาศก์เมตร แผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 2565-2570 โครงการเครือข่ายน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองค้อ-บางพระ ผันน้ำได้ 70 ล้านลูกบาศก์เมตร กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 2565-2566 โครงการเครือข่ายน้ำคลองวังโตนด-อ่างเก็บน้ำประแสร์ เส้นที่ 2 ผันน้ำได้ 55 ล้านลูกบาศก์เมตร กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 2569-2572 แผนงานก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ.สาขาพัทยา-แหลมฉบังโ€“ศรีราชา (เพิ่มเติม) กำหนดแผนเริ่มก่อสร้างปี2565-2567 และแผนงานก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ.สาขาชลบุรี-พนัสนิคม-(พานทอง)-(ท่าบุญมี) ระยะที่ 2 (เพิ่มเติม) กำหนดแผนเริ่มก่อสร้างปี 2565-2567 ซึ่งการพัฒนาโครงการในกลุ่มที่ 7 นี้ จะต้องพิจารณาทบทวนตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในการพัฒนาอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนดด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สำหรับแผนงานก่อสร้างโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ EEC หากดำเนินการแล้วเสร็จจะเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำให้กับทุกภาคส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่จะมีใช้น้ำได้อย่างเพียงพอและเป็นธรรม พร้อมสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน และที่ประชุมในวันนี้ได้ตั้งคณะทำงานทางเทคนิคการพัฒนาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทางวิชาการเฉพาะด้าน มาเสริมทัพร่วมกันทำงาน เพื่อสนับสนุนการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง และยังสามารถนำไปใช้ในพื้นที่อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำได้อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]