BIG STORY : หลายฝ่ายกระตุ้น “ฌอน บูรณะหิรัญ” แจงปมเงินบริจาคให้ชัด

29 มิ.ย. – แกนนำอาสาดับไฟป่าบนดอยสุเทพ ยืนยันไม่เคยพบ “ฌอน บูรณะหิรัญ” รวมถึงไม่เคยได้รับความช่วยเหลือตลอดระยะเวลาที่เกิดไฟป่า ขณะที่นายอำเภอเมืองเชียงใหม่แจงชัด การรับเรี่ยไรครั้งนั้นไม่มีการยื่นขออนุญาตอย่างเป็นทางการ


ปมดราม่าสุดร้อนแรงเกี่ยวกับการเปิดรับบริจาคเงินของ “ฌอน บูรณะหิรัญ” ไลฟ์โค้ช หรือ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจเพื่อช่วยดับไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม กระทั่งมีการทวงถามความชัดเจนเกี่ยวกับยอดเงินบริจาค รวมถึงการนำไปช่วยเหลือดับไฟป่า และชี้แจงการใช้จ่ายเงินอย่างชัดเจน และก่อนหน้านั้น “ฌอน บูรณะหิรัญ” ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ชี้แจงประเด็นดังกล่าว และโชว์หลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ อ้างว่าได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” ยังกระตุ้นให้ชี้แจงให้ชัดเจนมากกว่านี้


ทีมข่าวสำนักข่าวไทยเดินทางไปพบนายขจร ประเสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้านดอยสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และพบภาพถ่ายการเข้าดับไฟป่าของทีมอาสาดับไฟป่า ภาพการรับบริจาคสิ่งของจากภาคเอกชนมาให้ผู้สื่อข่าวดู ยืนยันว่าไม่เคยพบกับ “ฌอน บูรณะหิรัญ” ตลอดระยะเวลาที่เกิดไฟป่าบนดอยสุเทพตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม-เมษายน ชาวบ้านดอยสุเทพกว่า 100 คน เป็นทีมอาสาดับไฟป่า และมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุ่ย เจ้าหน้าที่ชุดเสือไฟที่มาจากทั่วประเทศลงพื้นที่มาช่วย แต่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจาก “ฌอน บูรณะหิรัญ” หรือแม้แต่เงินและสิ่งของบริจาค ส่วนใหญ่จะได้รับจากสภาลมหายใจ ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ นำน้ำดื่ม อาหารแห้ง และอุปกรณ์ดับไฟป่ามาให้ทีมอาสาดับไฟป่า ส่วนสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดเชียงใหม่ ได้สบทบทุนเงินบริจาคกว่า 10,000 บาท ซึ่งได้นำไปใช้ประกอบอาหารให้กับทีมดับไฟป่าทั้งสามมื้อตลอดหลายสัปดาห์ กระทั่งสถานการณ์ไฟป่าคลี่คลาย


นายอำเภอเชียงใหม่เรียกสอบ “ฌอน” ปมเรี่ยไรบริจาค

นายสราวุฒิ วรพงษ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ชี้แจงเรื่องการตรวจสอบการรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือในการดับไฟป่าในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ ของ “ฌอน บูรณะหิรัญ” ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม – 1 พฤษภาคม เป็นเงินกว่า 870,000 บาท  พบว่านายฌอนไม่ได้มายื่นขออนุญาตเรี่ยไรตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร โดยมีโทษปรับซึ่งเป็นเพียงคดีลหุโทษ จึงอยากให้ออกมาชี้แจงให้สังคมเกิดความกระจ่าง และเชื่อว่าน่าจะแก้ปัญหาได้ดี

ตำรวจเชียงใหม่ยังไม่พบผู้เสียหายจากปมบริจาคเข้าร้องทุกข์

เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงกรณีที่ปรากฏภาพถ่ายคู่กับนายฌอนว่า เป็นภาพที่ถ่ายเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ฌอน มาพบเพื่อหารือเรื่องการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และเข้าทำงานในโครงการฟาร์มตัวอย่าง ทราบว่านายฌอนเปิดรับบริจาคเงินทางสื่อออนไลน์ จึงได้แนะนำให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังไม่มีผู้แจ้งความร้องทุกข์ หากผู้บริจาคเงินเห็นว่าได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้

ขณะที่ในโลกออนไลน์ยังเปิดเผยข้อมูลของนายฌอน พบว่ามีร้าน บ้านพัก และร้านกาแฟอยู่ที่เชียงใหม่ ชื่อร้าน “เต่าคาเฟ่ แอนด์ คอมมิวนิตี้” ย่านถนนระแกง พบว่าร้านปิดตัวชั่วคราวตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เริ่มระบาด ติดป้ายประกาศหน้าร้านว่า “ยังไม่มีกำหนดเปิด” และไม่สามารถติดต่อกับฌอนได้

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า นายฌอนไม่เคยมาพบ และไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องเงินบริจาค ทราบแต่ว่าเคยร่วมกิจกรรมจิตอาสากับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์หลายครั้ง และนายฌอน เคยมาร่วมกิจกรรมปลูกป่าเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานปลูกป่าที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อำเภอแม่ริม ซึ่งในวันดังกล่าวนายฌอนได้ร่วมปลูกต้นไม้ และมอบเครื่องเป่าลม 2 เครื่อง ให้กับหน่วยงานราชการ


แจงปมเงินบริจาค “ฌอน” ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้

ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร ชี้แจงกับสื่อมวลชน กรณีนายฌอนเปิดรับเงินบริจาค เนื่องจากเรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมากที่ต้องชี้แจงให้เกิดความเข้าใจตรงกัน อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดรายบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เสียภาษีได้ ส่วนรายได้ที่เกิดในปี 2563 นิติบุคคลจะยื่นเสียภาษีได้ในช่วงต้นปี 2564 ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นกรมสรรพากรถึงจะตรวจสอบการยื่นภาษีได้ว่าครบถ้วนและถูกต้องหรือไม่

ด้านนางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ โฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า ส่วนเงินบริจาคที่ได้รับมานั้นจะสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ ในกรณีนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะผู้ที่จะได้รับการลดหย่อนภาษี ต้องจดทะเบียนเป็นตัวแทนหน่วยรับบริจาค และต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่ชัดเจน แต่ในส่วนนี้เป็นการเปิดบริจาคโดยใช้บัญชีของตนเอง ดังนั้นจึงไม่เข้าข่ายนำไปลดหย่อนภาษี. – สำนักข่าวไทย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แกนนำอาสาดับไฟป่าดอยสุเทพยันไม่เคยพบ “ฌอน บูรณะหิรัญ”

 ► รับบริจาคออนไลน์ ผิดหรือไม่ผิดกฎหมาย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]