สมุทรปราการ 25 มิ.ย. – คปภ.ร่วมกับศิษย์เก่า วปส. มอบห้องความดันติดลบโรงพยาบาลบางพลี เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ สู้ภัยโควิด-19
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธานในพิธีมอบห้องความดันลบ Negative Pressure เพื่อป้องกันและรักษาการติดเชื้อโควิด-19 ให้แก่โรงพยาบาลบางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมีคณะผู้บริหาร คปภ. ผู้แทนศิษย์เก่านักศึกษาหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) นายแพทย์พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี และบุคลากรทางการแพทย์ เข้าร่วมพิธีรับมอบ ณ อาคารสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทรง 200 ปี โรงพยาบาลบางพลี
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า คปภ.ร่วมกับศิษย์เก่านักศึกษาหลักสูตรหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 1 – 9 จัดทำโครงการ “คปภ. รวมพลัง วปส. เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ สู้ภัย COVID – 19” โดยร่วมกันบริจาคเงินและสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อใช้ในการรักษาดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ให้แก่โรงพยาบาลของรัฐที่มีความจำเป็นและต้องการเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 จำนวน 22 แห่งทั่วประเทศ อาทิ ตู้ตรวจเชื้อแบบความดันบวก (Positive Pressure) ตู้อบรังสี UVC หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง แอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ และแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาด มูลค่ารวมกว่า 1,585,000 บาท โดยส่งมอบเครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563
นอกจากนี้ ยังร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสร้างห้องความดันลบจำนวน 1 ห้อง เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาและมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการป้องกันเป็นพิเศษ โดยใช้ระยะเวลาในการจัดสร้างกว่า 2 เดือน และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการด้านโซล่าร์เซลล์ เพื่อประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาลในอนาคตด้วย
นายแพทย์พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี กล่าวว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณแทนประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ที่ คปภ.ได้มอบห้องความดันลบ เนื่องจากที่ผ่านมาโรงพยาบาลบางพลี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลลำดับที่ 2 ของจังหวัดสมุทรปราการ มีผู้ป่วยเข้ามารักษาจำนวนมาก และทำเลที่ตั้งใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ จึงมีโอกาสได้รับผู้ป่วยต่างชาติพอสมควร ขณะที่ที่ผ่านมารักษาผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 10 ราย เดิมมีห้องความดันลบเพียง 2 ห้อง ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการในการรองรับผู้ป่วย และการคลายล็อกดาวน์เป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังโอกาสการกลับมาแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ดังนั้น การมีห้องความดันลบเพิ่ม จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ได้ดียิ่งขึ้น. – สำนักข่าวไทย
