กรุงเทพฯ 11 มิ.ย.- โรคมะเร็งตับ เป็นปัญหาสุขภาพที่คร่าชีวิตคนไทยมาเนิ่นนาน สาเหตุสำคัญมาจากไวรัสตับอักเสบบี หรือซี และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากตรวจพบช้ามีโอกาสเสียชีวิตภายในไม่กี่เดือน เราจะนำข้อมูลความรู้ที่ได้รับการอนุเคราะห์จากคณะแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดล ใน Mahidol Channel มานำเสนอให้ทราบกัน
ตับเป็นอวัยวะสำคัญ เหมือนโรงงาน มีหน้าที่เปลี่ยนอาหารที่ถูกดูดซึมจากลำไส้ ให้เปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงาน ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน ไขมัน อีกหน้าที่หนึ่งคือจัดการของเสีย โดยเปลี่ยนสารพิษที่ร่างกายไม่ต้องการแล้วให้ถูกขับออก มะเร็งตับเกิดจากเซลล์ตับเกิดการแบ่งตัว เพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ ที่ต้องระวังคือผู้ป่วยมะเร็งตับมักไม่ทราบว่าตัวเองเป็น เนื่องจากไม่แสดงอาการ เพราะมะเร็งตับสามารถเกิดขึ้นได้โดยยังไม่เกิดตับแข็ง และสภาพร่างกายทั่วไปยังคงดูดีอยู่
สาเหตุของมะเร็งตับ คือ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือซี ไขมันเกาะตับ การกินอาหารปนเปื้อน โดยเฉพาะอะฟลาทอกซิน การกินปลาน้ำจืดสุกๆ ดิบๆ และสาเหตุใหญ่ของมะเร็งตับ คือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สัญญาณเตือนของมะเร็งตับ คือ ปวด แน่น เจ็บบริเวณท้องบนด้านขวาและลิ้นปี่ คล้ายกับโรคกระเพาะ คลำเจอก้อนขนาดใหญ่ใต้ชายโครงด้านขวา เบื่ออาหาร น้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต คลื่นไส้ อาเจียน การตรวจหามะเร็งตับ มักจะใช้การตรวจเลือดเพื่อดูค่า AFP หากมีค่า AFP สูง บ่งชี้ว่ามีเซลล์มะเร็งตับ และแพทย์มักให้ตรวจวินิจฉัยอื่นๆ เพิ่มเติม
การรักษามะเร็งตับมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับระยะของโรค ทั้งการผ่าตัดก้อนมะเร็ง การจี้ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ การให้เคมีบำบัดผ่านทางหลอดเลือดแดง และการจี้ทำลายก้อนมะเร็ง โดยใช้เข็มที่ผลิตความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟผ่านรูเล็กๆ 2-3 มิลลิเมตร เข้าไปทำลายก้อนเนื้อในตับที่มีขนาดไม่เกิน 5 ซม.
เพราะมะเร็งตับอาจไม่ใช่โรคไกลตัว นอกจากการดูแลสุขภาพด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ ข้อสำคัญควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ตรวจเช็กสุขภาพประจำปี ตรวจไวรัสตับอักเสบบีและไวรัสตับอักเสบซี ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับได้.-สำนักข่าวไทย
