กรุงเทพฯ 5 มิ.ย.- วิโรจน์ ขอประชาชนจับตา เปลี่ยนตัวหัวหน้า-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ รับการปรับ ครม.หรือไม่ หวั่นการใช้งบแสนล้านบาท เอื้อประโยชน์กลุ่มการเมืองวิ่งเต้นให้ได้โครงการเติมท้ายสู้ภัยโควิด
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงการเปลี่ยนตัวหัวหน้าและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จากการลาออกของกรรมการบริหารพรรค 18 คน ว่า ดูผิวเผินอาจเป็นแค่เรื่องภายในของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง แต่ถ้าพิจารณาเทียบเคียงกับเหตุการณ์ 3 เหตุการณ์ ดังต่อไปนี้ จึงอยากให้ประชาชนช่วยจับตาอย่างใกล้ชิด คือ การปรับ ครม. ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่มีบทบาทอย่างมากใน พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ซึ่งมีวงเงินรวมกันสูงถึง 1.9 ล้านล้านบาท ในการกลั่นกรอง วินิจฉัย กำหนดระเบียบหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในทางปฏิบัติ วงเงินที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านบาทเป็นเป้าหมายอันหอมหวน รวมถึงการพิจารณาโครงการกรอบวงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ที่จะเสนอเข้า ครม. ในวันที่ 7 ก.ค. นี้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า กรอบหลักเกณฑ์ของโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทเป็นกรอบที่กว้างมาก และเอื้อให้ฝ่ายต่าง ๆ จากหลายมุ้งการเมือง พยายามที่จะวิ่งเอาโครงการสัพเพเหระทั่วไปมาปัดฝุ่น ยัดไส้ เติมคำว่าสู้ภัยโควิด ต่อท้ายที่ชื่อโครงการ แล้วเอามาของบประมาณเพื่อนำไปแบ่งกันปันหัวคิว
“ช่วงนี้เป็นช่วงที่หลายมุ้งทางการเมือง วิ่งเต้นแย่งงบ วิ่งกันล็อกสเปกกันให้วุ่น ประกอบกับที่มีข่าวที่ลือกันในสภาว่า มีการฮั้วกัน เพื่อปิดปากส.ส. มีการกันงบประมาณไว้ให้กับ ส.ส. คนละ 80 ล้านบาท โดยจะฝากงบประมาณเอาไว้ที่งบจังหวัด แล้วให้ ส.ส. วิ่งเข้าไปชี้ เข้าไปล็อกสเปก ว่าจะทำโครงการอะไร ให้ผู้รับเหมาคนไหนเป็นคนทำ ซึ่งสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นค่าหัวคิว และเงินทอนต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา” นายวิโรจน์ กล่าว
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า สิ่งที่ประชาชน ต้องร่วมกันติดตามต่อจากนี้ก็คือ โครงการเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ที่กำลังจะเกิดขึ้นเต็มไปหมดนั้นมีโครงการอะไรบ้าง เป็นโครงการที่ตรงกับความต้องการของท้องถิ่นหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่โครงการละลายงบ ที่เอาคำว่ากู้ภัยโควิดมาต่อท้าย เช่น เปลี่ยนหลอดไฟสู้ภัยโควิด ขุดบ่อน้ำบาดาลสู้ภัยโควิด นอกจากนี้ต้องดูว่ามีการกำหนดสเปกที่เกินจำเป็น เพื่อล็อคสเปกให้กับผู้รับเหมา หรือผู้ประกอบการรายใดหรือไม่ ราคาในการจัดซื้อจัดจ้าง และเงื่อนไขในการบริการหลังการขาย เมื่อเทียบกับราคาตลาด แล้วเป็นอย่างไร และผู้ที่ชนะการประมูล นั้นมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองคนใด
“เงิน 4 แสนล้านบาทมีบางคนเคยเถียงกับผมว่า ที่ผ่านมา ไม่เห็นต้องมีประชาชนควักสตางค์ไปจ่ายหนี้ให้กับรัฐบาลเลย แต่การใช้หนี้ของรัฐบาลจะต้องเบียดบังเอาเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนไปจ่ายชำระหนี้และดอกเบี้ยที่เคยกู้มา ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ต้องนำเอาเงินไปชำระหนี้ รัฐบาลก็จะมีงบประมาณที่มากขึ้น ในการพัฒนาประเทศ เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประชาชนคนไทย มีงบประมาณมากขึ้นที่จะนำมาอุดหนุนเพื่อปรับปรุงสวัสดิการ และคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคนให้ดีขึ้น ดังนั้นภาระของการใช้หนี้ก้อนหนี้ของประชาชนคนไทย ก็คือ การต้องยอมให้ประเทศชาติล้าหลัง ต้องพัฒนาได้ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น ต้องยอมให้ลูกหลานของพวกเราต้องทนกับสภาพความเป็นอยู่ที่มันควรจะดีกว่านี้ได้ไปอีกนับสิบ ๆ ปี นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ประชาชนคนไทยทุกคน ต้องร่วมกันตั้งข้อสังเกต และติดตาม กำกับเรื่องราวทุกเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้ก้อนมหาศาลในครั้งนี้”นายวิโรจน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย