กรุงเทพฯ 19 พ.ค. – ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก “พนม ศรศิลป์” อดีต ผอ.พศ. อีก 2 สำนวน คดีทุจริต งบ พศ. เจอคุก 17 ปี 4 เดือน ศาลสั่งร่วมกับพวกชดใช้เงินคืนกว่า 23 ล้านบาท
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนวนที่ 4 คดีหมายเลขดำ อท.32/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพนม ศรศิลป์ อายุ 61 ปี อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) , นายบุญเลิศ โสภา อายุ 54 ปี อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศจ.ลำปาง , นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร อายุ 51 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา , นายแก้ว ชิดตะขบ อายุ 54 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา , นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อายุ 50 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ , ทำ , จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารฯ ทำการรับรองหลักฐานเป็นเท็จ , เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 147,157,162 ประกอบมาตรา 83,86 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1
โดยพฤติการณ์แห่งคดีนั้น พวกจำเลยได้เบียดบังเอาเงินงบประมาณ ของสำนักงาน พศ. ไปเป็นประโยชน์ของตน โดยใช้วัดเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงินงบประมาณโดยมี สำนักงาน พศ. เป็น ผู้เสียหาย โดยอัยการโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยทั้งห้าต่อจากโทษในคดีอื่นๆด้วย
จำเลยทั้งห้า ให้การปฏิเสธ พร้อมสืบพยานต่อสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดี นายพนม อดีต ผอ.พศ.จำเลยที่ 1 และกลุ่มลูกน้อง ในสำนักงาน พศ.จำเลยที่ 2,3,4,5 ไม่ได้ประกันตัว ปัจจุบันถูกคุมขังในเรือนจำ และทัณฑสถานหญิงกลาง
ขณะที่ศาล พิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยในชั้นไต่สวนแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 147 , 157 , 162 (4) ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 1-4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป โดยให้จำคุกฐานเป็นเจ้าพนักงาน ที่มีหน้าที่จัดการทรัพย์ได้เบียดบังทรัพย์นั้นไปโดยมิชอบฯ ซึ่งเป็นโทษบทหนักสุดรวม 2 กระทง โดยกระทงแรกจำคุกคนละ 14 ปีและกระทงที่ 2 อีกคนละ 6 ปี รวมจำคุกคนละ 20 ปี อย่างไรก็ดีทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้างมีเหตุลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-4 ไว้คนละ 13 ปี 4 เดือน และให้ร่วมกันคืนหรือใช้เงินจำนวน 21,007,235 บาทแก่สำนักงาน พศ.ผู้เสียหายด้วย
โดยให้นับโทษของนายพนม อดีต ผอ.ผศจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อท. 253/2561 , อท.254/2561 , อท.257/2561 ของศาลอาญาคดีทุจริตฯ นี้ด้วย
ส่วนนายบุญเลิศ อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศจ.ลำปาง จำเลยที่ 2 , นางพรเพ็ญ อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา จำเลยที่ 3 , นายแก้ว อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา จำเลยที่ 4 ให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อท.254/2561 ของศาลนี้ด้วย
ส่วน นายพัฒนา อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จำเลยที่ 5 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 147 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการทรัพย์ได้เบียดบังทรัพย์นั้นไปโดยมิชอบฯ ให้จำคุก 4 ปี และให้จำเลยที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1- 4 ชดใช้เงินคืนให้สำนักงาน พศ. ผู้เสียหายด้วย และให้นับโทษของจำเลยที่ 5 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อท.2557/2561 เช่นกัน
ขณะที่วันเดียวกันนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยังได้มีคำพิพากษา คดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณ พศ.สำนวนที่ 5 ด้วย ในคดีหมายเลขดำ อท.43/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพนม อดีต ผอ.พศ. , นายชยพล พงษ์สีดาอายุ 64 ปี อดีตรอง ผอ.พศ. , นายณรงค์เดช ชัยเนตร อดีต ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา , นายพัฒนา อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ , ทำ , จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อ.มาตรา 147,157 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1
นายพนม อดีต ผอ.พศ. , นายชยพล อดีตรอง ผอ.พศ. , นายพัฒนา อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จำเลยที่ 1,2,4 ให้การปฏิเสธ พร้อมสืบพยานต่อสู้คดี ส่วนนายณรงค์เดช อดีต ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ซึ่งระหว่างพิจารณาคดีทั้งหมดไม่ได้รับการประกันตัว
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนแล้ว พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-4 มีความผิดตามฟ้อง ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ฯ ตาม ป.อ.มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด จำคุกคนละ 6 ปี
อย่างไรก็ดี ตามทางนำสืบของจำเลยที่ 1,2,4 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1,2,4 ไว้คนละ 4 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้เป็นเวลา 3 ปี และให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันคืนเงิน 2 ล้านบาทให้แก่สำนักงาน พศ.เสียหายด้วย และให้นับโทษของ นายพนม อดีต ผอ.พศ.จำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อท.253/2561 , อท.254/2561 , อท.257/2561 , อท.32/2562 ของศาลอาญาคดีทุจริตฯ นี้ด้วย
ส่วน นายชยพล อดีต รอง ผอ.พศ. จำเลยที่ 2 , นายณรงค์เดช อดีต ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จำเลยที่ 3 , นายพัฒนา อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จำเลยที่ 4 ก็ให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำ อท.257/2561 ด้วย .-สำนักข่าวไทย