ผบช.ภ.4 ลงพื้นที่เร่งคดีครูข่มขืน นร. เผยพบหลักฐานสำคัญคลิปแอบถ่าย

มุกดาหาร 10 พ.ค.- ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ลงพื้นที่เร่งรัดคดี 5 ครู และ 2 ศิษย์เก่าก่อเหตุกระทำชำเรานักเรียนหญิงชั้น ม. 2 และ  ม.4 โดยพบหลักฐานสำคัญเป็นคลิปแอบถ่ายที่อยู่ในโทรศัพท์ของเหยื่อ และปรากฏหลักฐานกลุ่มครูให้เงินเหยื่อ หลังร่วมหลับนอน ครั้งละ 200-500 บาท ล่าสุด ตำรวจลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุซ้ำ พบชิ้นส่วนถุงยางอนามัย


พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมคณะ ลงพื้นที่ สภ.ผึ่งแดด เพื่อติดตามคดีครู 5 คน พร้อมศิษย์เก่า 2 คนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ดงมอน อ.เมืองมุกดาหาร ตกเป็นผู้ต้องหาคดีกระทำชำเราในลักษณะรุมโทรม “เด็กหญิงเอ” อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 รวมถึงมีเหยื่ออีกคน คือ “นางสาวบี” อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน โดยเหตุเกิดขึ้นที่บ้านพักครูในโรงเรียนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 จนถึงเดือนมีนาคม 2563


ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า หลังจากที่ครอบครัวเด็กแจ้งความ จึงนำตัว “เด็กหญิงเอ” ไปตรวจร่างกายทันที ก่อนขยายผลจากการสอบปากคำโดยสหวิชาชีพพบว่า “นางสาวบี” ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 7 คนจริง จึงมีการสอบสวนขยายผลออกหมายจับทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนได้รับการประกันตัวในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำไปแล้ว 4 ปาก พร้อมกับส่งหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอแอบถ่ายขณะเกิดเหตุ รวมถึงหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ที่จุดเกิดเหตุ ส่งตรวจหลักฐานที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานแล้ว


แยกสำนวนดำเนินคดี 2 เหยื่อ และแยกกรรมตามวันก่อเหตุ

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ระบุว่า ขณะนี้คดีดังกล่าวยังไม่เกี่ยวข้องกับค้ามนุษย์ แต่พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะให้เงินเหยื่อครั้งละ 200-500 บาท หลังร่วมหลับนอนกันเสร็จ ขณะที่คลิปวิดีโอไม่มีการเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะ จึงยังไม่สามารถเพิ่มข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และเป็นคลิปวิดีโอที่ได้มาจากโทรศัพท์ของเหยื่อทั้งหมด ส่วนหลักฐานแชทจาก Facebook ระหว่างผู้ต้องหากับเหยื่อถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญในคดีเช่นกัน และจากการสอบถามเหยื่อเบื้องต้นพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้ใช้สารเสพติด แต่มีการดื่มแอลกอฮอล์  โดยเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะมีการปรึกษานักกฎหมายก่อนชิงเข้ามอบตัวสู้คดี และขอให้การในชั้นศาลทั้ง 7 คน

ทั้งนี้ สำนวนคดีจะต้องแยกเป็น 2 สำนวน คือ คดีของ “เด็กหญิงเอ” ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนอีกสำนวนคือ “นางสาวบี” ที่มีการแจ้งความดำเนินคดี และขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกทั้งหมดมาแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมขยายผลเพิ่มเติมว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ นอกจากนี้จะต้องมีการแยกดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ ตามพฤติการณ์ผู้ต้องหาเพื่อให้ผู้ต้องหาได้รับอัตราโทษสูงสุด เนื่องจากพบว่าผู้ต้องหาบางคนก่อเหตุหลายครั้ง

สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน พบว่าจะมีผู้ต้องหาที่ 1 คือ “ครูวิพจน์” เป็นตัวหลัก โดยครั้งแรกเมื่อมีนาคมปี 2562 ได้มีการหลอกเหยื่อ “เด็กหญิงเอ” ไปกระทำชำเราที่ห้องพักครู จากนั้นก่อเหตุเรื่อยมาเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง

ต่อมาเริ่มมีการรวมกลุ่มก่อเหตุ ทั้งในเดือนธันวาคมปี 2562 ที่มีการชักชวนกลุ่มเพื่อนครูไปร่วมกระทำชำเรา “เด็กหญิงเอ” ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม 2563 ที่มีการนัด “เด็กหญิงเอ” มากับ “นางสาวบี” ก่อนกระทำชำเราร่วมกับเพื่อนครู 3 คน

จากนั้นต้นเดือนกุมภาพันธ์ “ครูวิพจน์” นัด “เด็กหญิงเอ” ไปพบและร่วมกับผู้ต้องหาอีก 3 คน กระทำชำเรา เช่นเดียวกับปลายกุมภาพันธ์พาเหยื่อไปกระทำชำเราที่ห้องเรียนคณิตศาสตร์ กระทั่งครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ร่วมกับเพื่อนอีก 1 คน กระทำชำเราเหยื่อ 2 คนที่บ้านพัก ก่อนถูกแจ้งความดำเนินคดีในวันเดียวกัน

แก๊งครูหื่นทั้ง 7 คน ถูกแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีในลักษณะรุมโทรมและพรากผู้เยาว์ โทษตามมาตรา 277 ของประมวลกฎหมายอาญา หากเป็นกระทำชำเราเด็ก จะถูกจำคุก 4-20 ปี และปรับ 80,000-400,000 บาท แต่เมื่อมีการรุมโทรมจะมีโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ส่วนข้อหาพรากผู้เยาว์ฯ จะมีโทษจำคุก 2-10 ปี และปรับ 4,000-20,000 บาท

ทั้งนี้ ตรวจสอบแนวทางการดำเนินคดีพบว่า เมื่อมีการแยกกรรมและวาระในการก่อเหตุ เท่ากับว่าแต่ละคนจะได้รับโทษตามที่ก่อเหตุแต่ละครั้ง โดยเฉพาะผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งร่วมก่อเหตุทุกครั้งจะได้รับโทษมากที่สุด แต่ไม่เกิน 50 ปี เพราะมาตรา 91 ระบุว่า หากเป็นโทษหนักสุดจำคุกเกิน 10 ปีขึ้นไป เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจะจำคุก 50 ปี ยกเว้นว่าศาลพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต

ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุซ้ำ พบชิ้นส่วนถุงยางอนามัย

ขณะที่ พล.ต.ต.อรรคพงศ์ พิมลศิริ ผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร นำชุดสืบสวนและร้อยเวรเจ้าของคดีครูและศิษย์เก่าของโรงเรียนรวม 7 คน กระทำชำเราเด็กนักเรียนหญิง 2 คนพร้อมผู้สื่อข่าวตรวจสอบที่เกิดเหตุที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ดงมอน อ.เมืองมุกดาหาร โดยทั้งหมดมี 4 จุด ประกอบด้วยห้องเรียน สนามกีฬาในร่มที่ใช้เป็นสนามแข่งฟุตซอล และวอลเลย์บอลด้านหลังของสนามมีห้อง 2 ห้อง

จากนั้นได้ไปสำรวจบ้านพักครูจำนวน 2 หลัง โดยหลังแรกมี 2 ชั้น ชั้นล่าง 1 ห้อง ส่วนชั้นบน 4 ห้องถูกล็อกไว้แล้ว ส่วนอีกหลังเป็นบ้านปูนครึ่งไม้ ด้านบนทำด้วยไม้ ซึ่งถูกเด็กหญิงกล่าวอ้างว่า ครูคณิตฯ วัย 35 ปี ก่อเหตุกระทำชำเราบ่อยที่สุด โดยจากการสังเกตรอบบ้าน พบชิ้นส่วนถุงยางอนามัยและขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล้า-เบียร์กองทับกันเป็นจำนวนมาก

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหารกล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ลงมาเพื่อตรวจสอบซ้ำ เพราะตอนนี้มีอีก 1 คดีที่เพิ่มเข้ามา คือ คดีของ “น.ส.บี” อายุ 16 ปี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย