ผบช.ภ.4 ลงพื้นที่เร่งคดีครูข่มขืน นร. เผยพบหลักฐานสำคัญคลิปแอบถ่าย

มุกดาหาร 10 พ.ค.- ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ลงพื้นที่เร่งรัดคดี 5 ครู และ 2 ศิษย์เก่าก่อเหตุกระทำชำเรานักเรียนหญิงชั้น ม. 2 และ  ม.4 โดยพบหลักฐานสำคัญเป็นคลิปแอบถ่ายที่อยู่ในโทรศัพท์ของเหยื่อ และปรากฏหลักฐานกลุ่มครูให้เงินเหยื่อ หลังร่วมหลับนอน ครั้งละ 200-500 บาท ล่าสุด ตำรวจลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุซ้ำ พบชิ้นส่วนถุงยางอนามัย


พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมคณะ ลงพื้นที่ สภ.ผึ่งแดด เพื่อติดตามคดีครู 5 คน พร้อมศิษย์เก่า 2 คนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ดงมอน อ.เมืองมุกดาหาร ตกเป็นผู้ต้องหาคดีกระทำชำเราในลักษณะรุมโทรม “เด็กหญิงเอ” อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 รวมถึงมีเหยื่ออีกคน คือ “นางสาวบี” อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน โดยเหตุเกิดขึ้นที่บ้านพักครูในโรงเรียนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 จนถึงเดือนมีนาคม 2563


ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า หลังจากที่ครอบครัวเด็กแจ้งความ จึงนำตัว “เด็กหญิงเอ” ไปตรวจร่างกายทันที ก่อนขยายผลจากการสอบปากคำโดยสหวิชาชีพพบว่า “นางสาวบี” ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 7 คนจริง จึงมีการสอบสวนขยายผลออกหมายจับทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนได้รับการประกันตัวในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำไปแล้ว 4 ปาก พร้อมกับส่งหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอแอบถ่ายขณะเกิดเหตุ รวมถึงหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ที่จุดเกิดเหตุ ส่งตรวจหลักฐานที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานแล้ว


แยกสำนวนดำเนินคดี 2 เหยื่อ และแยกกรรมตามวันก่อเหตุ

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ระบุว่า ขณะนี้คดีดังกล่าวยังไม่เกี่ยวข้องกับค้ามนุษย์ แต่พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะให้เงินเหยื่อครั้งละ 200-500 บาท หลังร่วมหลับนอนกันเสร็จ ขณะที่คลิปวิดีโอไม่มีการเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะ จึงยังไม่สามารถเพิ่มข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และเป็นคลิปวิดีโอที่ได้มาจากโทรศัพท์ของเหยื่อทั้งหมด ส่วนหลักฐานแชทจาก Facebook ระหว่างผู้ต้องหากับเหยื่อถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญในคดีเช่นกัน และจากการสอบถามเหยื่อเบื้องต้นพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้ใช้สารเสพติด แต่มีการดื่มแอลกอฮอล์  โดยเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะมีการปรึกษานักกฎหมายก่อนชิงเข้ามอบตัวสู้คดี และขอให้การในชั้นศาลทั้ง 7 คน

ทั้งนี้ สำนวนคดีจะต้องแยกเป็น 2 สำนวน คือ คดีของ “เด็กหญิงเอ” ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนอีกสำนวนคือ “นางสาวบี” ที่มีการแจ้งความดำเนินคดี และขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกทั้งหมดมาแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมขยายผลเพิ่มเติมว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ นอกจากนี้จะต้องมีการแยกดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ ตามพฤติการณ์ผู้ต้องหาเพื่อให้ผู้ต้องหาได้รับอัตราโทษสูงสุด เนื่องจากพบว่าผู้ต้องหาบางคนก่อเหตุหลายครั้ง

สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน พบว่าจะมีผู้ต้องหาที่ 1 คือ “ครูวิพจน์” เป็นตัวหลัก โดยครั้งแรกเมื่อมีนาคมปี 2562 ได้มีการหลอกเหยื่อ “เด็กหญิงเอ” ไปกระทำชำเราที่ห้องพักครู จากนั้นก่อเหตุเรื่อยมาเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง

ต่อมาเริ่มมีการรวมกลุ่มก่อเหตุ ทั้งในเดือนธันวาคมปี 2562 ที่มีการชักชวนกลุ่มเพื่อนครูไปร่วมกระทำชำเรา “เด็กหญิงเอ” ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม 2563 ที่มีการนัด “เด็กหญิงเอ” มากับ “นางสาวบี” ก่อนกระทำชำเราร่วมกับเพื่อนครู 3 คน

จากนั้นต้นเดือนกุมภาพันธ์ “ครูวิพจน์” นัด “เด็กหญิงเอ” ไปพบและร่วมกับผู้ต้องหาอีก 3 คน กระทำชำเรา เช่นเดียวกับปลายกุมภาพันธ์พาเหยื่อไปกระทำชำเราที่ห้องเรียนคณิตศาสตร์ กระทั่งครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ร่วมกับเพื่อนอีก 1 คน กระทำชำเราเหยื่อ 2 คนที่บ้านพัก ก่อนถูกแจ้งความดำเนินคดีในวันเดียวกัน

แก๊งครูหื่นทั้ง 7 คน ถูกแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีในลักษณะรุมโทรมและพรากผู้เยาว์ โทษตามมาตรา 277 ของประมวลกฎหมายอาญา หากเป็นกระทำชำเราเด็ก จะถูกจำคุก 4-20 ปี และปรับ 80,000-400,000 บาท แต่เมื่อมีการรุมโทรมจะมีโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ส่วนข้อหาพรากผู้เยาว์ฯ จะมีโทษจำคุก 2-10 ปี และปรับ 4,000-20,000 บาท

ทั้งนี้ ตรวจสอบแนวทางการดำเนินคดีพบว่า เมื่อมีการแยกกรรมและวาระในการก่อเหตุ เท่ากับว่าแต่ละคนจะได้รับโทษตามที่ก่อเหตุแต่ละครั้ง โดยเฉพาะผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งร่วมก่อเหตุทุกครั้งจะได้รับโทษมากที่สุด แต่ไม่เกิน 50 ปี เพราะมาตรา 91 ระบุว่า หากเป็นโทษหนักสุดจำคุกเกิน 10 ปีขึ้นไป เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจะจำคุก 50 ปี ยกเว้นว่าศาลพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต

ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุซ้ำ พบชิ้นส่วนถุงยางอนามัย

ขณะที่ พล.ต.ต.อรรคพงศ์ พิมลศิริ ผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร นำชุดสืบสวนและร้อยเวรเจ้าของคดีครูและศิษย์เก่าของโรงเรียนรวม 7 คน กระทำชำเราเด็กนักเรียนหญิง 2 คนพร้อมผู้สื่อข่าวตรวจสอบที่เกิดเหตุที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ดงมอน อ.เมืองมุกดาหาร โดยทั้งหมดมี 4 จุด ประกอบด้วยห้องเรียน สนามกีฬาในร่มที่ใช้เป็นสนามแข่งฟุตซอล และวอลเลย์บอลด้านหลังของสนามมีห้อง 2 ห้อง

จากนั้นได้ไปสำรวจบ้านพักครูจำนวน 2 หลัง โดยหลังแรกมี 2 ชั้น ชั้นล่าง 1 ห้อง ส่วนชั้นบน 4 ห้องถูกล็อกไว้แล้ว ส่วนอีกหลังเป็นบ้านปูนครึ่งไม้ ด้านบนทำด้วยไม้ ซึ่งถูกเด็กหญิงกล่าวอ้างว่า ครูคณิตฯ วัย 35 ปี ก่อเหตุกระทำชำเราบ่อยที่สุด โดยจากการสังเกตรอบบ้าน พบชิ้นส่วนถุงยางอนามัยและขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล้า-เบียร์กองทับกันเป็นจำนวนมาก

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหารกล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ลงมาเพื่อตรวจสอบซ้ำ เพราะตอนนี้มีอีก 1 คดีที่เพิ่มเข้ามา คือ คดีของ “น.ส.บี” อายุ 16 ปี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เผยผลสอบตึก สตง.ถล่ม ออกแบบ-ก่อสร้าง ผิด กม.

ทำเนียบ 30 มิ.ย.- นายกฯ เผยผลสอบตึก สตง.ถล่ม ครบ 90 วัน เกิดจากการออกแบบและวิธีการก่อสร้าง ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะผนังช่องลิฟต์-บันไดไม่ได้มาตรฐาน เตรียมส่งข้อมูลให้ ดีเอสไอ-ตำรวจ ชี้คนผิด ยันเรื่องนี้ต้องไม่เงียบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เข้าร่วมประชุมด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเปิดประชุมว่า วันนี้ (30 มิ.ย.) ก็ครบ 90 วัน หรือ 3 เดือนพอดีหลังเกิดเหตุการณ์ จากนั้น นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า การแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม […]

ครอบครัวเหยื่อเก๋งแดง เศร้ารับศพไปบำเพ็ญกุศล

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – ครอบครัวเศร้ารับศพสาวเหยื่อเก๋งแดง ซิ่งชน จยย.รับจ้าง แล้วหนี ส่วนคนขี่ จยย.รับจ้าง บาดเจ็บสาหัส อาการยังโคม่า ไม่รู้สึกตัว ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณปากซอยเพชรเกษม 19 จะเห็นรถจักรยานยนต์ขี่มาในเลนซ้ายตามปกติ ก่อนรถเก๋งสีแดงคาดดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ที่ขับตามหลังมาในเลนเดียวกันจะพุ่งมาด้วยความเร็ว ชนรถจักรยานยนต์อย่างแรง จนร่างนายดุลยวัต อายุ 27 ปี คนขี่จักรยานยนต์ และนางสาวจิตติมา อายุ 30 ปี คนซ้อนท้าย ลอยไปไกลหลายเมตร อาการสาหัส ขณะที่นางสาวจิตติมาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนรถเก๋งแดงกลับขับรถหลบหนีโดยไม่ลงมาดู ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามหารถคันนี้พบว่าหลบหนีมาจอดทิ้งไว้ที่คอนโดฯ ย่านถนนเพชรเกษม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก พบแต่รถยนต์ แต่ไม่พบผู้ก่อเหตุ ซึ่งตำรวจไปพบจอดอยู่ในคอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านเพชรเกษม คาดว่าน่าจะอยู่ในคอนโดฯ นี้ จึงเจรจากับนิติบุคคลคอนโดฯ นำรถมาที่สถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ และตามเจ้าของรถมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นางสาวไพริน อายุ 41 ปี แฟนของผู้บาดเจ็บ เล่าทั้งน้ำตาว่า สามีมีอาขีพขี่ จยย.รับจ้างและโบลท์ […]

“เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค.

ทำเนียบ 30 มิ.ย.- เชิญชวนคนไทยใช้สิทธิ์ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค. รัฐสนับสนุนสูงสุด 3,000/คืน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ล่าสุด มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวยื่นคำขอลงทะเบียนผ่านระบบ https://partner.tat.or.th แล้วกว่า 34,005 ราย และมีผู้ผ่านการตรวจสอบและลงทะเบียนสำเร็จแล้วถึง 6,400 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มงวด เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุดและป้องกันการสวมสิทธิ์ ขั้นตอนสำคัญของการลงทะเบียน ผู้ประกอบการต้องกรอกหนังสือยินยอมให้ธนาคารกรุงไทยตรวจสอบข้อมูล เพื่อป้องกันการหลอกลวงและการแฝงตัวของสถานประกอบการที่ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยธนาคารจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 3 วัน ก่อนส่งข้อมูลให้ ททท. นำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากนั้นประชาชนจะสามารถจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และเริ่มเดินทางท่องเที่ยวจริงได้ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ สำหรับสิทธิประโยชน์ของโครงการ รัฐบาลจัดสรรสิทธิ์รวม 500,000 […]

นายกฯ เผยผู้นำฝรั่งเศสพร้อมหนุนไทยหาทางออกปมชายแดน

30 มิ.ย.- นายกฯ เผยผลสายตรง “มาครง” แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น สานต่อความร่วมมือทุกมิติ ยกระดับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ย้ำยึดกลไกทวิภาคีหาทางออกปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งผู้นำฝรั่งเศสเข้าใจในท่าทีและพร้อมให้การสนับสนุน ยืนยันไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมเชิญประธานาธิบดีฝรั่งเศส เยือนไทยอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความเผยผลการหารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศสระบุ “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือทางโทรศัพท์กับท่านเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงการสานต่อและกระชับความร่วมมือทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอวกาศ กลาโหม และพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-ฝรั่งเศสไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต่างยึดมั่นในคุณค่าร่วมกันในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศและระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกติการะหว่างประเทศ ดิฉันได้เน้นย้ำบทบาทเชิงรุกของไทยในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะหารือกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อหาทางออกของปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งประธานาธิบดีมาครงแสดงความเข้าใจในท่าทีดังกล่าวของไทยและพร้อมให้การสนับสนุน ดิฉันยังได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวแก่ทั้งสองฝ่าย และดิฉันได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีมาครงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยประธานาธิบดีมาครงก็ได้เชิญดิฉันเยือนฝรั่งเศสเช่นกันค่ะ ” .-สำนักข่าวไทย