กรุงเทพฯ 1 พ.ค.- ประชาชนกว่า 600 ราย ยังทยอยยื่นร้องทุกข์ที่หน้ากระทรวงคลัง
ต่างได้รับผลกระทบจากภัยโควิด-19 ระดมเจ้าหน้าที่ทุกกรมช่วยรับเรื่องผู้ลงทะเบียน
ตลอดช่วงบ่ายวันนี้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯทยอยเดินทางมาเขียนคำร้องเรียกร้องสิทธิ์
มาตรการเยียวยา 5,000 บาท ที่จุดรับเรื่องบริเวณริมฟุบาทหน้ากระทรวงการคลัง เริ่มบางตา
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว มีการตั้งโต๊ะรับเรื่องกว่า 10
โต๊ะ เว้นระยะห่าง
หลายเสียงต่างพบปัญหาเงินไม่เข้าบัญชีตามที่ได้ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาไว้
ขณะที่บริเวณใกล้เคียงมีจิตอาสา “เค เยาวราช” นำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและบริการน้ำร้อนพร้อมต้มรับประทาน
มาแจกจ่ายให้กับผู้ที่เดินทางมาร้องเรียนสิทธิ์ ตลอดจนผู้ที่ตกงาน คนยากไร้
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19
ด้าน พลตำรวจตรีสมประสงค์ เย็นท้วม
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยด้วยตนเอง พร้อมเปิดเผยว่า
ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
มีประชาชนเดินทางมามากประมาณ 600 คน
ทางกระทรวงการคลังจึงจัดเจ้าหน้าที่มาบริการประชาชน ตอนนี้มีผู้รออยู่ไม่เกิน 100 คน ทั้งนี้ เรื่องสำคัญที่สุด ช่วงนี้เป็นช่วงที่โควิด-19 กำลังแพร่ระบาด พี่น้องประชาชนที่จะมาเรียกร้องสิทธิ์ สอบถาม
หรือคำแนะนำต่างๆ ต้องระมัดระวัง และปฏิบัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ
ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร ใส่หน้ากากอนามัย
หากมีเฟซชิลด์คลอบใบหน้าด้วยจะดี ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยแนะนำให้เว้นระยะ
และดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
ทั้งนี้ได้หารือกับกระทรวงการคลังขอให้ย้ายจุดตั้งรับเรื่องเรียกร้องสิทธิ์จากฟุตบาทริมถนนหน้ากระทรวงการคลังไปบริเวณถนนข้างกระทรวงริมคลอง
เพื่อรองรับประชาชนจำนวนมากและความคล่องตัวของรถที่สัญจร
ส่วนผู้ที่มาร้องเรียนและแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ก่อนหน้านี้
ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่
ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบกระทำผิด เนื่องจากมาเพียงลำพังไม่ได้นัดรวมตัวกันแต่อย่างใด
นางณัฐณิชา จินดาเสฐียร อายุ 48 ปี (คนพิการ)
ขายข้าวกล่องให้นักเรียนในโรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา ย่านพระราม 2 เล่าทั้งน้ำตา วันนี้เดินทางมายื่นเรื่องเพราะเงินยังไม่เข้าบัญชี
หลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก โรงเรียนปิดไม่สามารถขายข้าวกล่องให้นักเรียนได้
ปกติขายกล่องละ 10 บาทเท่านั้นไม่ได้เอากำไรมาก
ตอนนี้ประสบอุบัติเหตุรถชนกระดูกหักยิ่งทำให้ลำบากมาก ต้องนั่งวีลแชร์
เพราะไม่สามารถหาอาชีพอื่นทำได้ จึงไม่มีรายได้
ขอฝากผู้ใหญ่ให้ช่วยดูแลด้วยเพราะเงินก้อนนี้คือความหวังที่จะช่วยต่อชีวิต
นางสมจิตต์ เฟียมาลัย อายุ 64 ปี รับจ้างทั่วไป
เปิดเผยว่า วันนี้ยังไปยืมเงินเพื่อนบ้านมา 100 บาท
เพื่อเป็นค่ารถเดินทางมาจากบางกระดี่ เพื่อยื่นคำร้อง
พร้อมกางสมุดบัญชีธนาคารให้ทีมข่าวดู ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว มีรายได้วันละ 300 บาท จากการรับจ้างกวนกาละแม ตอนนี้ร้านค้าปิดขายไม่ได้
จึงทำให้ไม่มีรายได้ บางมื้อไม่มีก็ต้องอด หวังเงิน 5 พันมาช่วยค่ากินค่าใช้จ่ายในครอบครัว
ส่วนโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ก็ไม่ใช่สมาร์ทโฟนไม่สามารถตรวจสอบได้เลย
จึงต้องเดินทางมาด้วยตนเอง
นางเสาวลักษณ์ คำทอง อายุ 59 ปี เล่าว่าออกจากงานเพื่อมาดูแลลูกพิการ
ช่วงนี้ลำบากมาก ไปกู้หนี้นอกระบบมา 3 พันบาท ดอกร้อยละ 10 เพื่อไว้ใช้จ่าย
เนื่องจากลูกชายที่พิการไม่ได้ออกไปเดินเล่นพักผ่อนตามสวนสาธารณะทำให้มีอารณ์หงุดหงิดง่าย
และอยากทานขนม อาหารบ่อยขึ้น จึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขี้น ทั้งนี้ตนได้ลงทะเบียนในระบบแจ้งอาชีพแม่บ้าน
แต่จนขณะนี้ยังไม่มีเงินโอนเข้ามาแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่รับคำร้องเรียกร้องสิทธิ์ มาตรการเยียวยา เปิดเผยว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ที่มายื่นเรื่องในวันนี้ พบมีปัญหาจากการลงทะเบียนในเรื่องต่างๆ
โดยเฉพาะเรื่องวันเดือนปีเกิด ที่บางคนไม่มีวันเกิด ,หมายเลขโทรศัพท์ไม่ตรง
จึงให้คำแนะนำและกรอกรายละเอียดไว้เพื่อดำเนินการต่อไป .-/สำนักข่าวไทย