กรุงเทพฯ 29 เม.ย. – ยอดใช้น้ำมันช่วงล็อกดาวน์ เม.ยหดตัวแรง ดีเซลลดลงเกือบร้อยละ 15 กลุ่มเบนซินลดลงร้อยละ 28 ส่วนไตรมาส 1/63 ภาพรวมลดลงร้อยละ 7.5
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 3 เดือน ของปี 2563 (ม.ค. – มี.ค.) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 7.5 ส่วนตัวเลขเบื้องต้นเดือนเมษายน การใช้กลุ่มเบนซินลดลงเหลือ 23 ล้านลิตร/วัน ลดลงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และกลุ่มดีเซลมียอดใช้ 56 ล้านลิตร/วัน ลดลงร้อยละ 14.5 โดยมีสาเหตุมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 ทำให้ประเทศไทยต้องประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยมีมาตรการ Lock down จึงส่งผลให้เศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่แล้วในช่วงปลายปี 2562 ยิ่งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
สำหรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 3 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 31.1 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 2.3 โดยกลุ่มแก๊สโซฮอล์มีปริมาณการใช้ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 30.3 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นร้อยละ 1.6 ขณะที่น้ำมันเบนซินมีการใช้ลดลงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 0.8 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 21.8 ส่วนแก๊สโซฮอล์พบว่าอี 20 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ 6.5 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 เนื่องจากมีราคาถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 เฉลี่ยอยู่ที่ 3.01 บาท/ลิตร รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 14.0 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เนื่องจากแก๊สโซฮอล์ 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 มีราคาใกล้เคียงกันโดยมีส่วนต่างเพียง 0.27 บาท/ลิตร ทำให้ผู้บริโภคเลือกใช้น้ำมันชนิดที่มีค่าออกเทนสูงกว่า ขณะที่แก๊สโซฮอล์ 91 มีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 8.7 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 9.7 และแก๊สโซฮอล์ อี 85 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.1 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 11.4
ส่วนการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 67.6 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 2.9 โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา บี 7 มีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 51.5 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 22.2 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 6.4 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561) โดยปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วดังกล่าว อยู่ในช่วงการดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศ
ขณะที่การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 17.7 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของ ปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 17.4 เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินอย่างมากอีกทั้งหลายสายการบินประกาศหยุดให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงส่งผลให้ความต้องการใช้ลดลงอย่างมาก
การใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 16.0 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 11.7 โดยปริมาณการใช้ภาคขนส่งลดลงมากที่สุด มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2.4 ล้าน กก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 18.8 รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 6.0 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 17.9 ถัดมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 1.8 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 3.1 และภาคครัวเรือนมีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดอยู่ที่ 5.7 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 3.0การใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4.8 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 17.0 เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ทำให้ประชาชนและรถโดยสารหันไปใช้ดีเซลหมุนเร็วบี 20 ทดแทน
ด้านการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 928,923 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 6.5 คิดเป็นมูลค่า 55,062 ล้านบาท/เดือน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นทำให้ต้องลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเข้ากลั่นลง สำหรับน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณนำเข้าลดลงอยู่ที่ 33,901 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 57.6 คิดเป็นมูลค่า 1,978 ล้านบาท/เดือน และการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 180,601 บาร์เรล/วัน คิดเป็นร้อยละ 0.6 คิดเป็นมูลค่า 10,373 ล้านบาท/เดือน.-สำนักข่าวไทย