“น.อ.อนุดิษฐ์” ห่วงต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

กรุงเทพฯ 29 เม.ย.-เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ห่วงต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แนะรัฐใช้อย่างสมดุลและเหมาะสม


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ว่า เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการตัดสินใจ แม้ว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วย แต่คงแก้ไขอะไรไม่ได้ ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้แสดงความเห็นไปหลายครั้งแล้วว่าเมื่อรัฐบาลสามารถใช้มาตรการทางสาธารณสุขควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้แล้ว ก็ควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อแทน เนื่องจากสามารถกำกับดูแลและควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นในเวลานี้ได้เหมือนกัน แต่การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก จึงถูกสังคมตั้งคำถามว่า รัฐบาลอยากได้อำนาจอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต่อการแก้ไขปัญหาโควิดมาใช้ด้วยใช่หรือไม่

“ผมอยากให้รัฐบาลลองฟัง นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการของสหประชาชาติ (UN) ที่กล่าวเปิดรายงานนโยบายว่าด้วยความสำคัญของสิทธิมนุษยชนในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่ว่า การใช้มาตรการต่าง ๆ ที่อ้างถึงวิกฤติด้านสาธารณสุขโดยไม่เกี่ยวกับโรคระบาดเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ รัฐบาลต่าง ๆ จำเป็นต้องแสดงความโปร่งใส รับมือเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างแข็งขัน และแสดงความรับผิดชอบมากขึ้น โดยพื้นที่ประชาสังคมและเสรีภาพสื่อเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และไม่ว่าเราจะทำอะไร จงอย่าลืมว่าภัยของเราคือไวรัส ไม่ใช่ผู้คน ดังนั้นการประกาศภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ ต้องใช้เพื่อมาตรการทางสาธารณสุขที่มีเป้าหมายและระยะเวลาที่ชัดเจนโดยก้าวก่ายประชาชนให้น้อยที่สุด” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว


น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากเลขาธิการของสหประชาชาติจะออกมาแสดงความห่วงใยในเรื่องนี้แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้เสนอข่าว “U.N. raises alarm about police brutality in lockdowns” อ้างความเห็นของ มิเชล บาเชเล (Michelle Bachelet) ข้าหลวงใหญ่ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR)  ที่แสดงความเป็นห่วงการที่รัฐบาลหลายประเทศนำการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งเป็นมาตรการรุนแรง มาใช้เพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อประชาชน ซึ่งในข่าวบอกว่าปัจจุบันมี 80 ประเทศที่ใช้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในจำนวนนี้มี 15 ประเทศที่น่าเป็นห่วงที่สุด แต่โชคดีที่ยังไม่มีชื่อประเทศไทยติดโผ

“มิเชล บาเชเล เตือนว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ควรถูกใช้เพื่อกำจัดผู้เห็นต่าง ควบคุมประชาชน และทำให้ตนเองอยู่ในอำนาจได้นานขึ้น ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ รัฐบาลจะใช้อำนาจอย่างตรงไปตรงมาเพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินอย่างสมดุลและเหมาะสม ควบคู่ไปกับการปกป้องสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม โดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย