ก.อุตฯ ยืนยันหน้ากากผ้ามีคุณภาพผ่านการตรวจรับรอง

กรุงเทพฯ 28 เม.ย. – ก.อุตฯ ยืนยันหน้ากากผ้าอนามัยแจกฟรีประชาชน มีคุณภาพผ่านการตรวจรับรอง มีผลห้องทดลองใช้งานได้จริง ป้องกันละอองสารคัดหลั่งได้ พร้อมเร่งส่งหน้ากากอนามัยชนิดผ้าล็อต 2  


นางวรวรรณ  ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับและบริหารโครงการผลิตหน้ากากผ้าเพื่อลดปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยและป้องกันการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยืนยันว่า คุณภาพมาตรฐานของหน้ากากผ้าผลิตโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า สามารถใช้เพื่อป้องกันละอองสารคัดหลั่ง จากการไอหรือจาม ขนาด 5 ไมครอน และใช้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ในการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปได้ เพราะกระทรวง ฯ ให้ความสำคัญ ใส่ใจและเน้นย้ำในกระบวนการผลิตโดยเน้นที่ความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก 

สำหรับคุณลักษณะของผ้าและหน้ากากผ้าเป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ข้อแนะนำคุณลักษณะผ้าที่ใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัยสำหรับประชาชนเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19  ที่ได้กำหนดคุณลักษณะผ้า และคุณลักษณะด้านความปลอดภัยไว้ ซึ่งผ้าที่นำมาใช้ทำหน้ากากผ้าทุกชิ้นได้ผ่านการตรวจรับรองการทดสอบคุณสมบัติ ทางกายภาพและคุณลักษณะด้านความปลอดภัยจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ  ทั้งก่อนและหลังผลิตหน้ากากผ้า ซึ่งจะต้องมีลักษณะทั่วไป คือ สะอาด ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์  ไม่มีลายพิมพ์  อ่อนนุ่มต่อผิวสัมผัส และไม่เกิดการระคายเคือง มีน้ำหนักต่อหน่วยพื้นที่  ไม่น้อยกว่า 80 กรัมต่อตารางเมตร และไม่เกิน 220 กรัมต่อตารางเมตร (หากเกิน   จะส่งผลให้หายใจได้ลำบาก) ผ่านการทดสอบคุณลักษณะด้านความปลอดภัย ไม่มีสารพิษตกค้าง โดยการทดสอบสีเอโซ และปริมาณฟอร์แมลดีไฮด์ ซึ่งหน้ากากผ้าจะมีการตัดเย็บแบบ    2 ชั้น มีการทดสอบการผ่านได้ของอากาศ (Air Permeability) ต้องไม่เกิน 50 ลูกบาศก์เซนติเมตรต่อตารางเซนติเมตรต่อวินาที และความหนาต้องไม่น้อยกว่า 0.5 มิลลิเมตร 


นางวรวรรณ กล่าวว่า การผลิตหน้ากากผ้าอนามัยแจกฟรีแก่ประชาชน เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม  ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลภาคอุตสาหกรรม จัดทำหน้ากากผ้า 10 ล้านชิ้น เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนแบ่งออก 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่ 1 กรุงเทพมหานคร จำนวน 5,450,000 ชิ้น จัดส่งโดยไปรษณีย์ไทย ตามข้อมูลทะเบียนบ้านครัวเรือนในเขตกรุงเทพมหานคร ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตามบัญชีรายชื่อในทะเบียนบ้าน 1 คนต่อ 1 ชิ้น ซึ่งมุ่งเน้นให้มีการดำเนินการจัดส่งให้ครอบคลุมทุกพื้นที่  โดยได้ประสานงานใกล้ชิดกับผู้ผลิตและผู้จัดส่งหน้ากากคือไปรษณีย์ไทยให้ผลิตและจัดส่งให้เป็นไปตามแผนงาน  โดยผู้ผลิตจะส่งหน้ากากทั้งหมดให้กระทรวงอุตสาหกรรมภายในวันที่ 7 พฤษภาคม  2563  ส่วนการจัดส่งได้มีการหารือกับไปรษณีย์ไทยเพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานและเร่งจัดส่งให้แก่ผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมากกว่า 1 รายอย่างเร่งด่วนเป็นลำดับถัดไป   

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้รับหน้ากากผ้าทันเวลาตามจำนวนในทะเบียนราษฎรแน่นอน   สำหรับกลุ่มที่ 2 ปริมณฑล และพื้นที่เสี่ยง จำนวน 2,500,000 ชิ้น มอบหมายให้อุตสาหกรรมจังหวัด ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด แจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ และกลุ่มที่ 3 เจ้าหน้าที่/พนักงานกลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ จำนวน 2,050,000 ชิ้น 

ด้านต้นทุนในการผลิตหน้ากากผ้ากระทรวงอุตสาหกรรม มีต้นทุนของหน้ากากผ้าอยู่ที่ 6.08 บาท/ชิ้น   และค่าบริหารจัดการของไปรษณีย์ไทยแบบพัสดุ EMS  7  ล้านบาท ซึ่งทั้งสองส่วนสูงกว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรร   โดยต้นทุนในส่วนหน้ากากผ้า (ต่อชิ้น) ประกอบด้วย หมวดวัตถุดิบหลัก ได้แก่ ต้นทุนผ้าที่เป็นไปคุณสมบัติตามเกณฑ์สถาบันสิ่งทอ พร้อมค่ายางยืดหู 2 ข้าง  หมวดการผลิต ได้แก่ ค่าแรงตัด เย็บ และ QC หมวดบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ ค่าซอง การพิมพ์และแพ็คสินค้า   หมวดทดสอบ ได้แก่ ค่าตรวจสอบคุณสมบัติของผ้าก่อนผลิต ค่าตรวจสอบหน้ากากผ้าหลังผลิตเสร็จตามจำนวนล็อตที่มีการส่งมอบ  และหมวดขนส่งถึงจุดที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด 


นางวรวรรณ กล่าวว่า หากประชาชนบ้านใดได้รับหน้ากากอนามัยไม่ครบถ้วนตามจำนวนรายชื่อในทะเบียนบ้าน หรือมีความประสงค์ตรวจสอบสิทธิ์ และสถานะการจัดส่ง  หรือหากมีความจำเป็นต้องการหน้ากากเพิ่มเติม  สามารถติดต่อแจ้งเรื่อง ได้ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านทางเว็บไซต์ www.industry.go.th และ www.หน้ากากไทย      ต้านโควิด.com หรือสามารถติดต่อแจ้งปัญหาได้ทางเบอร์โทรศัพท์ 02-202 3737 หรือติดต่อผ่านช่องทางศูนย์บริการสถานการณ์วิกฤต กระทรวงอุตสาหกรรม (Crisis Management Center)  โดยขอให้มั่นใจว่ากระทรวงฯ จะเร่งผลิตและแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ กทม. ตามทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง ให้ครบถ้วน อย่างรวดเร็ว    สำหรับประชาชนที่มีความต้องการหน้ากากเพิ่มเติม กระทรวงอุตสาหกรรมจะได้จัดสรรให้ตามความจำเป็นอย่าง เหมาะสมต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]