จุรินทร์ สั่งจับ กลุ่มฉวยโอกาส ขายไข่แพงเกินราคา

นนทบุรี 27 มี.ค. – จุรินทร์ สั่งลุยจับ กลุ่มฉวยโอกาส ขายไข่แพงเกินราคา-ซ้ำเติมวิกฤติ 


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งมีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุม กิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 อาคาร สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยใช้เวลากว่า 3 ชม. 

ภายหลังการประชุมนายจุรินทร์ กล่าวว่า  ในเรื่องของไข่ไก่ภายหลังจากที่ได้ลงนามในประกาศห้ามส่งออกไข่ไก่ไปนอกราชอาณาจักรเป็นเวลา7วันนับตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมา วันนี้ก็เลยจะต้องดำเนินการมาตรการตามกฏหมาย คือจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เพื่อให้ความเห็นชอบซึ่งวันนี้ที่ประชุมก็ได้ใครความเห็นชอบและให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานกกรสามารถใช้ดุลพินิจในการที่จะขยายเวลาไปได้รวมทั้งหมดตั้งแต่วันประกาศไม่เกิน 30 วันหากว่ามีความจำเป็นต้องห้ามส่งออกนานกว่านั้นก็จะต้องกลับมาขออนุมัติที่ประชุมใหม่


อย่างไรก็ตาม สำหรับปริมาณการผลิตไข่ไก่จะมีการผลิตวันละประมาณ 41,000,000 ฟองและบริโภคในประเทศประมาณ 39,000,000 ฟองในภาวะปกติเพราะฉะนั้นมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการคือทำอย่างไรที่จะให้ไข่ไก่ที่ผลิตได้วันละ 41,000,000 ฟองซึ่งผลิตได้ในแต่ละวันสามารถสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งนี่เป็นประเด็นที่มาของมาตรการที่หนึ่งคือการห้ามส่งออกไปนอกราชอาณาจักรโดยมีข้อมูลบางส่วนว่าอาจจะมีการลักลอบส่งออกตามบริเวณชายแดนซึ่งจะทำให้ปริมาณขายในประเทศไม่เพียงพอต่อการบริโภคและประการถัดมาก็คือสำหรับผู้ที่กักตุนไข่ไว้ทำให้ไข่ไม่สามารถออกสู่ตลาดเพื่อสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้นั้นจะถูกดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดทั้งในข้อหากักตุนและค้ากำไรเกินควรซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึงเจ็ดปีปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ประเด็นปัญหาที่ไข่ในตลาดในขณะนี้ยังมีไม่เพียงพอเนื่องจากว่าผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยมีความต้องการที่จะซื้อไข่ไปเก็บไว้เพื่อบริโภคที่บ้านในปริมาณที่มากกว่าปกติซึ่งตัวเลขที่กรมการค้าภายในได้ติดตามในช่วงนี้ในเวลาไม่กี่วันมานี้พบว่ามีความต้องการสูงขึ้นถึงสามเท่าจากภาวะปกติที่ปริมาณการผลิตไข่วันละ 41,000,000 ฟองมีเพียงพอและบางช่วงเหลือส่งออกด้วยซ้ำ ซึ่งมีบางช่วงรัฐบาลเคยช่วยส่งเสริมการส่งออกและช่วยอุดหนุนการส่งออกฟองละ 46 สตางค์ ดังนั้นหลายห้างสรรพสินค้าในขณะนี้จึงใช้มาตรการจำกัดปริมาณการซื้อไม่ให้ซื้อไปเก็บไว้สำหรับคนคนเดียวมากเกินไปทำให้คนอื่นไม่มีโอกาสได้ซื้อและเท่าที่ติดตามจะมีไข่ชุดใหม่ออกมาสู่ตลาดทุกๆวัน

ขณะนี้หัวใจสำคัญคือสำหรับผู้ที่กักตุนทำให้ไข่ขาดตลาดและพวกที่คิดจะลักลอบนำไข่ออกไปบริเวณชายแดนรวมทั้งผู้ที่ขายเกินราคาจะต้องถูกกำหนดดำเนินคดีโดยเด็ดขาดโดยคณะกรรมการป้องกันการกักตุนสินค้าและการค้ากำไรเกินควรโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานซึ่งถึงขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีในหลายจังหวัดทั่วประเทศยกตัวอย่างเช่น เมื่อวานนอกจากคดีที่ จังหวัดพิษณุโลกที่ค้ากำไรเกินควร และยังมีที่เขตราชเทวีคือร้านไข่ไก่สวนฟาร์มกิตติคุณซึ่งขายไข่ไก่เบอร์ศูนย์ราคา 200 บาทต่อแผงและได้ส่งดำเนินคดีที่สน. ดินแดงแล้ว และร้านเจ๊ใหญ่ที่อำเภอเมืองปทุมธานีขายไข่ไก่แผงละ 170 บาทซึ่งถือเป็นการค้ากำไรเกินควรและร้านข้างตลาดบ่อนไก่อำเภอเมืองจังหวัดนครสวรรค์ซึ่งขายไข่ไก่เบอร์สามแผงละ 130 บาท เบอร์สองแผงละ 145 เบอร์หนึ่งแผงละ 150 บาทซึ่งโดนข้อหาค้ากำไรเกินควร หรือในกรณีที่ร้านตลาดเทศบาลสามอำเภอหล่มสักจังหวัดเพชรบูรณ์และตลาด ณ ท่าศาลา อำเภอท่าใหม่ ไม่ปิดป้ายแสดงราคาถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกันสำหรับตลาดท่าใหม่ นอกจากไม่ติดป้ายราคาแล้วยังมีการจำหน่ายไข่ไก่เบอร์ศูนย์แผงละ 180 บาทเบอร์หนึ่งแผงละ 170 บาทเบอร์สองแผงละ 160 บาทจึงโดนข้อหาค้ากำไรเกินควรด้วยสำหรับที่ตลาดเลิศนิมิต อำเภอบางใหญ่ แผงชื่อก.ขายไข่ขายไข่ไก่เบอร์ศูนย์แผงละ 180 บาทถูกดำเนินคดีค้ากำไรเกินควร และร้านทวีทรัพย์จังหวัดอ่างทองซึ่งค้ากำไรเกินควรขายไข่ไก่เบอร์ศูนย์ 180 บาทต่อแผงและโดยในโยบายได้มีการสั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินคดีโดยเคร่งครัดรวมทั้งสกัดกั้นการลักลอบส่งออกตามบริเวณชายแดนด้วย


และล่าสุดวันนี้ที่บางเลน จังหวัดนครปฐม กำลังดำเนินคดีกับฟาร์มซึ่งขายไข่ไก่หน้าฟาร์มในราคา 3.80 บาทจากราคาที่สมาคมประกาศฟองละ 2.80 บาท ที่จังหวัดนครสวรรค์ก็กำลังดำเนินคดีอยู่ ณเวลานี้เช่นกันซึ่งขายขายครัหน้าฟาร์มราคาฟองละเฉลี่ย 3.20 บาทจากราคาที่ประกาศ 2.80 บาท ที่ อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ชื่อฟาร์มกนกวรรณ สิ่งหนึ่งที่จะขอเน้นย้ำคือ ขอฝากเตือนผู้ที่กระทำการช่วยโอกาสซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชนในขณะนี้ซึ่งนอกจากทุกคนจะต้องร่วมกันในการประสบภัยโควิชแล้วผมไม่อยากเห็นการแสวงหาประโยชน์ที่เท่ากับเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชนในภาพรวมเพราะว่าเมื่อถูกดำเนินคดีแล้วรายได้อาจจะไม่ถึงจะมากหรือจะน้อยสุดแล้วแต่แต่ช่วงเวลานี้เราจะเห็นได้ชัดว่าศาลพิพากษาจำคุกจริงๆเพราะฉะนั้นมันจึงไม่คุ้มกันกับการเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้าที่ได้รับมาสำหรับพี่น้องประชาชนผู้บริโภคอยากขอให้ช่วยซื้อเท่าที่รับประทานได้ในช่วงเวลาไม่นานและออกไปซื้อใหม่ซึ่งจะช่วยให้หลายหลายท่านจะมีใครนำไปบริโภคได้หลายรายมากขึ้น

สำหรับเจลล้างมือ ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ออกประกาศที่กำหนดว่าเจลล้างมือที่วางขายตามท้องตลาดจะต้องมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไม่น้อยกว่า 70%ทำให้เจลสวนหนึ่งที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ไม่ถึงร้อยละ 70 จะต้องถูกเก็บออกจากตลาดไป ช่วงรอยต่อนี้ทำให้เจลขาดตลาดมากขณะเดียวกันการผลิตเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไปจะมีความจำเป็นต้องนำแอลกอฮอล์ที่ผลิตเป็นเอทานอลออกมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแต่ขณะนี้แม้ว่ากรมสรรพากรสามิตจะได้ผ่อนคลายกฎระเบียบว่าให้สามารถนำเอทานอลมาใช้ในการผลิตเจลล้างมือได้แล้วโดยให้สามารถซื้อได้ไม่เกิน 5,000 ลิตรต่อหนึ่งใบอนุญาตแต่ในขั้นตอนกระบวนการปฏิบัติอย่างค่อนข้าง ซับซ้อนอยู่ยกตัวอย่างเ ช่นผู้ที่จะขอซื้อเอทานอลเพื่อไปผลิตเจลนั้นอาจจะต้องไปขออนุญาตจากสรรพสามิตในจังหวัดที่ตนเองมีภูมิลำเนาหรือเมื่อได้ใบอนุญาตแล้วจะต้องไปขออนุญาตที่จะซื้อเอทานอลในจังหวัดที่โรงงานเอทานอลตั้งอยู่ด้วยและในการที่จะขนเอทานอลหลังจากซื้อจากโรงงานแล้วก็จะต้องมีขั้นตอนกระบวนการใบขับขี่ของคนขับหลายขั้นตอนซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในเรื่องของการปฎิบัติ

“ซึ่งเมื่อวานผมได้เรียนให้ประชุมโควิดได้รับทราบข้อเท็จจริงในการปฏิบัติอยู่ทางกระทรวงการคลังก็รับที่จะไปช่วยครีขายปัญหาในเรื่องนี้ซึ่งกรมการค้าภายในได้เสนอว่าถ้าเป็นไปได้น่าจะมีการตั้งศูนย์วันสต็อปเซอร์วิสที่โรงงานผลิตเอทานอลเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเอสทนร์เพื่อนำมาผลิตเจลเพื่อ ให้ผลผลิตออกสู่ตลาดได้รวดเร็วขึ้นหรืออีกวิธีหนึ่งคือการให้เจลที่ออกสู่ตลาดมีการปรับเปลี่ยน package จริงจากขวดที่มีหัวปั๊มมาเป็นในรูปแบบของถุงหรือรูปแบบคือก็จะช่วยให้สามารถผลิตและออกสู่ตลาดได้รวดเร็วมากขึ้นซึ่งกรมการค้าภายในจะได้ประสานกับกระทรวงสากรรมและกรมสัมผัสสามิตเพื่อให้เจลออกสู่ตลาดได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ส่วนผู้ที่ขายเกินราคาเกินควรก็จะต้องถูกดำเนินคดีต่อไปเช่นกัน” นายจุรินทร์ กล่าว . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]