รัฐสภา 19 มี. ค.- “นพ.สุกิจ” มั่นใจ เจ้ากรมสวัสดิการทหารบกไม่ได้แพร่เชื้อในสภาฯ เผย ประธานสภาฯ เตรียมหารือกำหนดมาตรการร่วมกับประธานคณะกรรมาธิการ 35 คณะ พรุ่งนี้
นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีที่ขณะนี้ยังมีความตื่นตระหนก กรณีที่ พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ที่เดินทางมาร่วมประชุมกับกรรมาธิการที่รัฐสภา ในวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา มีผลการตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 ว่า ได้ทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น และอาศัยจากการที่เป็นหมอ วิเคราะห์ว่า ในวันที่ 5 มีนาคม ที่เจ้ากรมสวัสดิการทหารบกเดินทางเข้ามาร่วมประชุมนั้น ยังไม่ได้มีการติดเชื้อ
นพ.สุกิจ กล่าวว่า เจ้ากรมสวัสดิการทหารบกยืนยันแล้วว่า ในรอบ 1 ปี ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ หรือพื้นที่อื่นที่มีความเสี่ยงในการรับเชื้อโควิด-19 นอกจากวันที่ 6 มีนาคม เดินทางไปสนามมวย ซึ่งมีคนที่ร่วมอยู่ในสนามมวยมีการติดเชื้อ ดังนั้น สันนิษฐานได้ว่า เจ้ากรมสัวสดิการทหารบกคงได้รับเชื้อมาในวันที่ 6 มีนาคม และมาแสดงอาการในภายหลัง
“จึงเชื่อว่าความวิตกกังวลน่าจะลดลงได้ และเมื่อนับตั้งแต่วันที่เดินทางมาร่วมประชุม ระยะเวลาของการฟักเชื้อ 14 วัน ก็จะตรงกับวันนี้ คือ วันที่ 19 มีนาคม หากมีคนที่ร่วมประชุมด้วยมีการติดเชื้อ ก็คงจะต้องมีการแสดงอาการออกมาแล้ว แต่ปรากฎว่าจากการติดตาม ยังไม่พบว่ามีใครติดเชื้อ” นพ.สุกิจ กล่าว
ส่วนการประชุมของกรรมาธิการนั้น นพ.สุกิจ กล่าวว่า ตามที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เคยแถลงไปแล้วว่า ให้เป็นดุลพินิจของกรรมาธิการ ในการพิจารณาว่าจะมีการจัดประชุมหรือไม่ ซึ่งกรรมาธิการต้องรับผิดชอบ และดูให้ดีว่าบุคคลที่เชิญมาร่วมประชุมมีความเสี่ยงของโรคหรือไม่ ควรจะเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ไม่ใช่ออกมาท้าทายเชื้อโควิด-19 ในทำนองที่ว่าไม่กลัวตาย เคยผ่านสมรภูมิมาแล้ว เพราะนี่คือเชื้อโรค และในการประชุมไม่ได้มีการประชุมคนเดียว เพราะมีกรรมาธิการคนอื่นและเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย และว่า วันพรุ่งนี้ (20 มี.ค.) ประธานสภาฯ จะมีการประชุมร่วมกับประธานกรรมาธิการทั้ง 35 คณะ ซึ่งก็จะได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันอีกครั้ง เพื่อส่งสัญญาณไปยังสมาชิกคนอื่นต่อไป
ส่วนจะมีคำสั่งให้ระงับการประชุมคณะกรรมาธิการโดยเด็ดขาดหรือไม่ นพ.สุกิจ กล่าวว่า ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรยังไม่สั่งระงับเด็ดขาด เพราะบางเรื่องอาจจำเป็นต้องประชุม แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอผลการหารือกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ .- สำนักข่าวไทย