สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดินปิด 2 วัน พบ จนท.ใกล้ชิดผู้เข้าข่ายติดเชื้อโควิท-19

สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 19 มี.ค.- สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดินปิด 2 วัน หลังพบเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดผู้เข้าข่ายติดเชื้อโควิท-19   อีเมล์แจ้งพนักงานกลางดึก   ผู้บริหารไม่มาทำงาน ปล่อยลูกน้องพาสื่อฯ ตรวจโรงงานหน้ากาก  ขณะที่ คนทั้งศูนย์ราชการ อาคาร บี ไม่รู้    ด้าน 7 เสือ กกต.รู้ข่าวภายใน แจ้งยกเลิกวาระงาน กลางดึก  ส่วนผลตรวจ จนท.กสม.รู้ผลเย็นนี้  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นได้แจ้งปิดทำการ วันที่ 19-20 มีนาคม เนื่องจากพบเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดบุคคลที่เข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิท -19  ทำให้ช่วงดึกคืนวานนี้  (18 มี.ค.)  ทางสำนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้มีหนังสือแจ้งผ่านทางอีเมล์ไปยังพนักงาน ของสำนักงานทุกคน    ระบุว่า ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีประกาศ เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ลงวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา  และสำนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้รับแจ้งจากพนักงานของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรายหนึ่ง  เมื่อวันที่ 18 มีนาคม  เวลาประมาณ  19.30 น. ว่าเป็นผู้ใกล้ชิดบุคคลที่เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวน และเฝ้าระวังโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019  

สำนักบริหารทรัพยากรมนุษย์จึงได้นำเรียนประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้บริหารระดับสูงแล้ว  และได้มีความห่วงใยต่อเรื่องดังกล่าว จึงมีดำริให้สำนักงานพิจารณาดำเนินการ เพื่อให้พนักงานและลูกจ้างของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้มาติดต่องานที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับความปลอดภัย  จึงเห็นควรดำเนินการมาตราการในเชิงป้องกัน  คือ ปิดพื้นที่เพื่อทำความสะอาด พร้อมการฉีดพ่นกำจัดเชื้อโรค ในวันที่ 19- 20 มีนาคม  เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงกำหนดให้วันที่ 19 -20 มีนาคม เป็นวันหยุดงานของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน  หากพนักงานและลูกจ้างรายใดจำเป็นต้องเข้าไปยังสถานที่ดังกล่าว  สามารถเข้าพื้นที่ได้ในวันที่ 19 มีนาคม ไม่เกินเวลา 13.00 น. 


ทั้งนี้ ในคำสั่งยังระบุว่า ขอให้พนักงานและลูกจ้างปฏิบัติตามประกาศที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรหลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง   หากพนักงานรายใดสงสัยว่าตนอยู่ในเกณฑ์ต้องสอบสวนและเฝ้าระวัง ขอให้รีบแจ้งมายังสำนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ เพื่อจะได้เตรียมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป  

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้  ได้มีการปิดพื้นที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน  เพื่อทำการอบโอโซน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ถูกระบุว่า ใกล้ชิดบุคคลที่เข้าข่ายติดเชื้อโควิท-19   เนื่องจากมารดาของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ทำงานอยู่ที่ธนาคารซีไอเอ็มบี  1 ในสาขาที่สำนักงานใหญ่สั่งปิด เนื่องจากพบว่ามีพนักงานติดเชื้อโควิท-19  คาดว่ามาจากการที่ไปสนามมวย เมื่อวันที่ 6 มีนาคม   ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินคนดังกล่าว ได้นำเรื่องมาหารือกับหัวหน้าว่า มารดาอยู่ในข่ายและได้ไปตรวจแล้ว อยู่ระหว่างรอผลตรวจ ซึ่งจะทราบในวันที่ 21 มีนาคม   


อย่างไรก็ตาม การสั่งปิดสำนักงานดังกล่าวเป็นความลับ และไม่มีการยกเลิกกำหนดการพาสื่อไปตรวจสอบโรงงานหน้ากาก แม้จะมีข้อสังเกตว่า การไปตรวจสอบครั้งนี้  ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการไปเท่านั้น  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปิดสำนักงานของผู้ตรวจการแผ่นดินยังไม่เป็นที่รับทราบของหน่วยงานอื่น ที่อยู่ภายในศูนย์ราชการ อาคารบี ทำให้มีเจ้าหน้าที่ทำงานและประชาชนมาติดต่อราชการตามปกติ  แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ระดับผู้บริหารของหน่วยงานต่างๆ จะทราบก่อนแล้ว  เช่น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ก่อนหน้าที่ได้แจ้งวาระงานของ กกต.นัดประชุมในเวลา 10.00 น.  วันนี้  (19 มี.ค.)  แต่หลังแจ้งหมายให้ผู้สื่อข่าวได้รับทราบ ก็มีการแจ้งยกเลิกในคืนวันเดียวกัน  โดยไม่มีแจ้งเหตุผลการยกเลิก    

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ  กกต. เปิดเผยว่า ขณะนี้ กกต.ได้เตรียมแนวทางรองรับการระบาดของโรคโควิด -19   โดยรอความชัดเจนจากประกาศกระทรวงสาธารณสุขและมาตรการของรัฐบาล  ซึ่งได้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด หากมีความชัดเจนก็จะดำเนินการขั้นตอนต่อไป  เบื้องต้นมีการป้องกันความปลอดภัยของผู้ปฎิบัติงานอย่างเต็มที่ ในการป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อ  มีการวางเจลแอลกอฮอล์ทุกชั้นของสำนักงาน  ทำความสะอาดลิฟท์โดยสารทุก 1 ชั่วโมง และให้พนักงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา    อีกทั้ง   มีมาตรการในการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ก่อนที่จะเข้ามาภายในอาคารศูนย์ราชการ อาคารบี   ที่มีความเข้มงวด   ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ห่วงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่   ส่วนสำนักงาน กกต.ในต่างจังหวัด ให้เป็นดุลยพินิจของผู้อำนวยการ กกต.จังหวัดนั้นๆ เป็นผู้พิจารณาดำเนินการตามสถานการณ์ของแต่ละจังหวัดให้เกิดความเหมาะสม   

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)  ที่รอผลการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่อยู่ในเกณฑ์ผู้ที่ต้องเฝ้าระวัง  ผลการตรวจจะออกในช่วงเวลา 19.00 น. วันนี้   และ สำนักงาน กสม. จะแจ้งให้ทราบ รวมทั้ง มาตรการการดำเนินการต่อไปของสำนักงาน .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]