กรุงเทพฯ 11 มี.ค. – ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาน้ำมัน 3 วันซ้อน จากสงครามราคาน้ำมันตลาดโลก โดยพรุ่งนี้ลดเฉพาะกลุ่มเบนซิน 60 สต. ส่วนกลุ่มดีเซลไม่ลดลง เหตุรัฐเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มจากกลุ่มดีเซล 50 สต./ลิตร เพื่อลดขาดทุนจากการส่งเสริมบี 10 กลุ่ม ปตท.คาดสงครามราคาจะไม่เกินไตรมาส 2/63
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในวันนี้ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง จาก Covid-19 และสงครามราคาน้ำมัน และนโยบายส่งเสริมน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล บี 10 ระยะยาว ดังนั้น จึงเห็นชอบปรับเพิ่มเงินกองทุนในส่วนของกลุ่มดีเซลทุกประเภทเข้ากองทุนเพิ่ม ส่วนกลุ่มเบนซินไม่เปลี่ยนแปลง จากผลดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันวันพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) ในส่วนของกลุ่มดีเซลไม่เปลี่ยนแปลง แต่จากค่าการตลาดที่สูงของกลุ่มเบนซินที่สูงกว่า 2 บาท/ลิตร ทำให้ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน 40 สตางค์ โดยการลดในอัตราไม่สูง เนื่องจากต้นทุนของผู้ค้าน้ำมันที่ล่าสุดต้นทุนขยับขึ้น โดยวันนี้ (11 มี.ค.) ราคาตลาดสิงคโปร์ขยับขึ้นอีก 2.5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล รวมแล้ว 2 วัน ขยับขึ้นกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันที่ร่วงลงแรง กลุ่ม ปตท.ได้ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมคาดว่าสงครามราคาน้ำมันคงจะยืนอยู่ได้ไม่ยาวนาน และคาดว่าราคาจะกลับมาสู่ระดับปกติไตรมาส 2/2563 เนื่องจากเมื่อดูถึงต้นทุนการผลิตน้ำมันของแต่ละประเทศแล้ว ราคาสูงกว่าราคาซื้อขายในตลาด โดยราคาต้นทุนกลุ่มโอเปกอยู่ที่ประมาณ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ราคาของสหรัฐการผลิตน้ำมันจากหินดินดานอยู่ที่ 40-60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มีของซาอุดีอาระเบียเท่านั้นที่ต้นทุนต่ำอยู่ที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้น คาดว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันคงจะหันหน้ามาเจรจาหาข้อตกลงกันในเร็ว ๆ นี้
นายวีระพล กล่าวว่า เมื่อดูถึงสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว กบน.จึงเห็นควรเก็บเงินกองทุนฯ กลุ่มดีเซลเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร มีผล 12 มีนาคม 2563 อัตราใหม่ การจัดเก็บบี 7 จะอยู่ที่ 1.50 บาท/ลิตร การอุดหนุนบี 10 อยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร ,บี 20 อุดหนุนอยู่ที่ 3.91 บาท/ลิตร เมื่อปรับแล้วทำให้ฐานะกองทุนฯ ดีขึ้น โดยเดิมคาดว่าช่วงปลายเดือนมีนาคมจะไหลออก 787 ล้านบาทต่อเดือน ก็เป็นบวก ไหลเข้ากองทุน 352 ล้านบาท/เดือน โดยมีสมมติฐานว่ายอดใช้บี 10 เดือนมีนาคมจะอยู่ที่ 20 ล้านลิตรต่อวัน บี 7 อยู่ที่ 40 ล้านลิตร และเมื่อมีการใช้บี 10 เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บี 7 จะลดลงจากส่วนต่างราคา 3 บาทต่อลิตร ทำให้เงินกองทุนไหลออกเพิ่มขึ้น โดยเดือนเมษายนคาดว่าไหลออก 794 ล้านบาท/เดือน โดยยอดใช้บี 10 จะอยู่ที่ 30 ล้านลิตร/วัน และบี 7 อยู่ที่ 31 ล้านลิตร/วัน ส่วนเดือนพฤษภาคมยอดใช้ บี10 จะอยู่ที่ 40 ล้านลิตร/วัน บี 7 จะอยู่ที่ 22.5 ล้านลิตร/วัน ทำให้เงินกองทุนติดลบเพิ่มเป็น 1,858 ล้านบาท/เดือน โดยฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิวันที่ 8 มีนาคม อยู่ที่ 36,196 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 41,669 ล้านบาท บัญชีแอลพีจี ติดลบ 5,503 ล้านบาท
หลังรับทราบมติ กบน. ทาง PTT Station และบางจากฯ ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ทุกชนิดลง 60 สตางค์ต่อลิตร เว้น E85 ลดลง 40 สตางค์ต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดคงเดิม มีผล 12 มีนาคม 2563 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ เบนซิน 30.36 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 22.95 บาท E20 ราคา 19.94 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 22.68 บาท E85 ราคา 17.29 บาท โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ นับว่าเป็นการปรับลดราคาต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลังเกิดสงครามราคาน้ำมัน และหากรวมตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์-12 มีนาคม 2563 กลุ่มเบนซินลดลงรวม 3 บาท/ลิตร และบี 10 ลดลง 2.90 บาท/ลิตร. -สำนักข่าวไทย