บุรีรัมย์ 15 ม.ค. – ตำรวจบุรีรัมย์จับคนร้ายบุกเดี่ยวงัดตู้เซฟร้านทองกลางห้างดัง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา กวาดทองคำหนัก 163 บาท มูลค่าเกือบ 4 ล้านบาท
เมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และ พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุบุกเดี่ยวเข้าไปงัดตู้เซฟร้านทอง ภายในห้างค้าปลีก สาขาบุรีรัมย์ ได้ทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 163 บาท มูลค่าเกือบ 4 ล้านบาท ทั้งยังขโมยโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กภายในห้างฯ ไปด้วย เหตุเกิดช่วงเช้ามืดวันที่ 28 ธันวาคม 2562 กระทั่งล่าสุดตำรวจจับกุมนายประวิทย์ ไชยคีนี พร้อมยาบ้า 24 เม็ด ไอซ์ 0.66 กรัม ทองคำรูปพรรณ จำนวน 101 บาท ต้นขั้วตั๋วจำนำทอง จำนวน 39.5 บาท เงินสด และของกลางอื่นๆ รวมทั้งรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และรถกระบะ 4 ประตู สีขาว ซึ่งนำทองไปขาย แล้วนำเงินไปซื้อรถมาใช้
สอบถามผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริง โดยใช้วิธีปีนขึ้นบนหลังคาของห้างฯ ที่เกิดเหตุ ใช้เครื่องมือไขนอตบริเวณหลังคาจากด้านบน แล้วปีนลงมาทางช่องแอร์ จากนั้นเดินตามโครงเหล็กหลังคาเข้าไปภายในห้างฯ เมื่อเข้ามาได้ก็เดินไปยังร้านทองที่เกิดเหตุ เพื่อสำรวจภายในร้าน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นผู้ต้องหาได้ไปบริเวณจุดจำหน่ายเครื่องมือช่างภายในห้างฯ และลักเอาไขควง เลื่อยพร้อมใบเลื่อย เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการลักทรัพย์ ก่อนจะเข้าไปงัดตู้เซฟ ลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในห้างฯ ก่อน จากนั้นได้ลักกระเป๋าสะพายจากจุดจำหน่ายกระเป๋าภายในห้างฯ ใช้ใส่โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ก่อนจะเดินไปยังร้านทอง แล้วใช้เลื่อยตัดสายยูตู้เซฟของร้านทอง โดยอ้างว่าตู้เซฟไม่ได้ใส่รหัสหรือล็อกกุญแจไว้ ล็อกเพียงสายยูด้านบนและด้านล่างของตู้เซฟเท่านั้น จึงเปิดตู้เซฟและกวาดเอาทองคำรูปพรรณไปได้ หลังจากได้ทรัพย์สินแล้ว ก็ใช้วิธีหลบหนีออกไปช่องทางเดิมที่เข้ามา ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนทองคำรูปพรรณที่ขโมยมา ผู้ต้องหาอ้างว่า บางส่วนได้นำไปขายและจำนำ แล้วนำเงินไปซื้อยาบ้าเสพ บางส่วนก็ซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปแล้ว
ด้านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า คดีดังกล่าวแม้ผู้ต้องหาไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายใคร แต่ถือว่ามูลค่าทรัพย์สินค่อนข้างมากเกือบ 4 ล้านบาท ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ตู้เซฟไม่ได้ล็อกกุญแจและรหัส ทำให้ขโมยทองไปได้อย่างง่ายดาย เชื่อว่าน่าจะมีคนในรู้เห็นอย่างแน่นอน ประกอบกับผู้ต้องหาเคยเป็นพนักงานห้างแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้างที่เกิดเหตุ จึงทำให้รู้ช่องทางเข้า-ออกห้างฯ เป็นอย่างดี. – สำนักข่าวไทย