กทม. 28 ธ.ค.-ผบก.ตม.2 ลงพื้นที่ติดตามรับมือคลื่นนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยปีใหม่ที่ ด่าน ตม.ดอนเมือง และตรวจสอบการปฏิบัติตาม ข้อสั่งการ 6 มาตรการเข้ม ในการเรียกติวหัวหน้าด่าน
พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 ในฐานะรองโฆษก สตม.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2562 เวลา 21.00 น. พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์รับมือคลื่นนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยปีใหม่ที่ ด่าน ตม.ดอนเมือง และตรวจสอบการปฏิบัติตาม ข้อสั่งการ 6 มาตรการเข้ม ในการเรียกติวหัวหน้าด่าน เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ธ.ค.2562
โดยได้เรียกประชุมผู้บังคับบัญชา และ หัวหน้าด่าน ตม.สนามบินหลักในสังกัด 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ติวเข้ม “แผนอำนวยความสะดวกพิธีการตรวจคนเข้าเมืองช่วงเทศกาลปีใหม่” ซึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2563
จากการประเมินสถานการณ์ คาดว่า จะมีผู้เดินทางเข้าออกราชอาญาจักรสูงสุด 2 ช่วง คือ ช่วงวันที่ 27-29 ธ.ค.2562 และ ช่วง 2 -4 ม.ค.2563 ซึ่งเป็นช่วงก่อน และ หลัง วันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยเฉพาะช่วงวันที่ 20 ธ.ค 2562 – 5 ม.ค 2563 จะมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้น เป็นขาเข้า 45 เที่ยวบิน ขาออก 46 เที่ยวบิน เฉลี่ยต่อวันสูงสุดราว 445 เที่ยวบิน
พล.ต.ต.วีรพล ได้สั่งกำชับ หน.ด่าน ให้ปฏิบัติตามมาตรการตามแผนปีใหม่ ที่สำคัญคือ
1.มาตรการวิเคราะห์ -โดยให้ประเมินสถานการณ์เที่ยวบินรายชั่วโมง ทุกวัน ร่วมกับการท่าอากาศยาน AOT เพื่อระดมกำลังพลให้เหมาะสมกับปริมาณผู้โดยสาร
2.มาตรการระดมคน -ให้ทุกด่านจัดกำลังพลเสริมการปฏิบัติในช่วงเวลาหนาแน่นเต็มทุกช่องตรวจ ตามสั่งการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมกำชับ จนท.ห้ามขาดลา ในช่วงปฏิบัติตามแผนปีใหม่โดยเด็ดขาด
3. มาตรการ 3 ประสาน – คือ สายการบิน การท่าอากาศยาน AOT และ ตม. ต้องทำงานร่วมกันเป็นระบบ โดยเฉพาะกำชับให้ประสานงานร่วมสายการบิน ในการเปิด check-in ล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 3 ชม. เพื่อเผื่อเวลาให้กับผู้โดยสารขาออกในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น ที่ต้องใช้เวลาในการ check-in ราว 1 ชม.และ ต้องผ่านการตรวจสัมภาระติดตัวตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของ การท่าฯ ตามมาตรฐาน ICAO ก่อนผ่านการตรวจหนังสือเดินทาง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาให้ทันขึ้นเครื่อง รวมถึงการแจกเอกสาร immigration card แก่ผู้โดยสารต่างชาติขาเข้า และกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อลดเวลาที่หน้าช่องตรวจหนังสือเดินทาง
4.มาตรการความมั่นคง -ให้ จนท.ทุกนาย ให้ความสำคัญต่อการอำนวยความสะดวกในการตรวจเข้าออกประเทศ โดยยึดหลักด้านความมั่นคง เพื่อป้องกันกลุ่มคนร้ายต่างชาติ ที่อาศัยโอกาสแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวในช่วงดังกล่าว โดยเฉพาะช่วงเที่ยวบินหนาแน่น ซึ่งจะมีการประสานหน่วยงานข่าวกรองเพื่อประเมินภัยคุกคามที่จะเข้ามาทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว โดยเบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง โดยให้ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
5.มาตรการด้านเทคโนฯ-โดยใช้ระบบ Biometric เป็นระบบหลักในการตรวจจับบุคคลเฝ้าระวัง และ ป้องกันการปลอมแปลงเอกสารการเดินทาง โดยเฉพาะ กลุ่ม Impostor ที่ใช้หนังสือเดินทางผู้อื่นแฝงตัวเข้าไทย
6.มาตรการควบคุม- ให้ รองผู้บังคับการ และ ผู้กำกับการ หัวหน้าด่าน ควบคุมบริหารสถานการณ์ด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการแก้ปัญหา ตามนโยบาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร และ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.
พ.ต.อ.เชิงรณ ได้ฝากย้ำเตือนผู้เดินทางให้เตรียมเอกสารการเดินทางโดยเฉพาะหนังสือเดินทางที่อายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน และ การเผื่อเวลา check-in ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชม.
ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสอบถามการใช้แอพลิเคชัน AOT Airports ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2029 7889 และสอบถามเที่ยวบินและการบริการต่างๆ ได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย