กรุงเทพฯ 25 ธ.ค.- ต้นสังกัดสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณี พ.ต.ท.สภ.เมืองนครสวรรค์ ยิงผู้เสียหายขณะยืนรอมารดากดเอทีเอ็ม พร้อมดำเนินการทางวินัย แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธข้อกล่าวหา
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับวงจรปิดแฉ ที่แท้ พ.ต.ท. วางมวยหนุ่ม สู้ไม่ได้ชักปืนยิงใส่เลือดอาบ ในพื้นที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ว่าได้รับรายงานจาก สภ.เมืองนครสวรรค์ ว่า เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 62 เวลาประมาณ 06.15 น. ขณะที่มารดาของผู้เสียหายยืนกดเงินอยู่ที่บริเวณ ตู้เอทีเอ็มหน้าธนาคารกรุงไทย สาขาถนนมาตุลี ตรงข้ามห้างบิ๊กซี 2 นครสวรรค์ ต.ปากน้าโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดเพื่อรอ กดเงินที่ตู้เอทีเอ็มฯ ผู้เสียหายซึ่งนั่งรออยู่ในรถยนต์ ได้สังเกตเห็น ผู้ต้องหาเข้าพูดคุยกับมารดาของตน จึงลงจากรถยนต์มายืนอยู่ใกล้ๆ มารดา
หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้ขับขี่ รถจักรยานยนต์ ออกไปประมาณ 5นาที แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์ กลับมาใหม่และเดินเข้าไปหามารดาของผู้เสียหาย แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วพูดว่ามารดาของผู้เสียหายเป็นคนปล่อยเงินกู้ จากนั้นผู้เสียหายซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ได้บอกว่าถ้า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูบัตรราชการ แต่ผู้ต้องหาไม่แสดงบัตร ผู้เสียหายไม่พอใจพูดบอกว่าพี่เป็นตำรวจ ทำไมขับขี่รถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ผู้ต้องหาจึงบอกว่าเดี๋ยวเรียกตำรวจมา ผู้เสียหายบอกว่าให้เรียกตำรวจมาเลย จากนั้นผู้ต้องหาได้ไปดึง แขนมารดาของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเกิดความไม่พอใจจึงต่อยผู้ต้องหาจนเสียหลักล้มลงกับพื้นแล้วไปนั่งคล่อมตัว ผู้ต้องหาใช้มือทั้งสองข้างชกต่อย ระหว่างชุลมุนอยู่นั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 1 นัด ถูกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์
ต่อมาได้ส่งตัวผู้เสียหายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ และได้เข้าผ่าตัดเอาหัวกระสุนปืนออกที่โรงพยาบาลศรีสวรรค์ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ชุดสืบสวนออกสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิด ตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบ จนทราบว่าผู้ต้องหาคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ พ.ต.ท. และได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ พิสูจน์หลักฐาน จ.นครสวรรค์ เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุ ตรวจยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ปลอกกระสุนปืน เพื่อส่งตรวจพิสูจน์ และเก็บเขม่าดินปืน จากผู้เสียหายและผู้ต้องหา เพื่อส่งไปตรวจยังพิสูจน์หลักฐานกลาง
พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนเชื่อได้ว่า พ.ต.ท. รายดังกล่าวได้กระทำผิดจริง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิสูจน์ทราบถึงตัวบุคคลที่กระทำผิด จากนั้นพนักงานสอบสวนสรุปความเห็นทางคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โดยขณะนี้ทางต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว อยู่ระหว่างรอรายงานข้อเท็จจริง จาก สภ.เมืองนครสวรรค์ และจะมีการตั้งกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการในทางวินัยกรณีดังกล่าวตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายต่อไป โดยไม่มีการให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำผิดอย่างแน่นอน
ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หน.หน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายระมัดระวังกิริยามารยาท ในการแสดงออกและขอเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย อย่าลุแก่อำนาจที่ตนมี หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบกระทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าได้กระทำผิดจริงให้ดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด
อีกทั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฎชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี .-สำนักข่าวไทย