ยุติธรรมเตรียมรื้อระบบลดหย่อนโทษ

กทม. 18 ธ.ค.-กระทรวงยุติธรรมเตรียมรื้อระบบลดหย่อนโทษในคดีที่ผู้ถูกคุมขังก่อคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง หลังสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าหญิงสาว 5 คน ได้ลดโทษออกจากเรือนจำแล้วกลับมาก่อเหตุซ้ำ

ในปี 48 นายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องหญิงสาว 5 ราย ถูกจับกุมดำเนินคดีทั้งหมด 5 คดี และคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ตัดสินให้เขาได้รับโทษในสถานหนัก โดย 3 คดี พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ส่วนที่เหลืออีก 2 คดี พิพากษาประหารชีวิต แต่ท้ายที่สุดเขาได้รับการลดหย่อนโทษเหลือเป็นจำคุกตลอดชีวิตแทน นายสมคิดรับโทษจำคุกตั้งแต่เดือนมิถุนายน 48 ได้รับการลดหย่อนโทษ เพราะเป็นนักโทษชั้นดี และถูกปล่อยตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ รวมรับโทษทั้งหมด 14 ปี ก่อนจะมาก่อเหตุฆ่าหญิงสาวที่ขอนแก่นซ้ำเป็นรายที่ 6

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม อธิบายว่ากฎหมายไทยในคดีอาญา กรณีที่มีผู้กระทำความผิดในลักษณะเดิมหลายครั้ง จะนำโทษทั้งหมดมารวมกัน เช่น กรณีของนายสมคิด ที่ทุกคดีได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งตามกฎหมายไทยแล้ว ถ้าใครต้องโทษตลอดชีวิตนั้นสามารถจำคุกได้ 50 ปี แต่ในที่นี้ไม่ใช่การนำจำนวนปีที่ถูกจำคุกไปรวมกัน 5 คดี ซึ่งหากคำนวนเช่นนั้น คดีที่เขาก่อจะต้องจำคุกถึง 250 ปี แต่กฎหมายไทยให้ลงโทษจำคุกสูงสุดได้ 50 ปีเท่านั้น และในความเป็นจริงเมื่อนักโทษเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้ว มีความประพฤติดี ก็มีโอกาสได้รับการลดหย่อนโทษ

มีข้อมูลว่าการปล่อยหรือลดโทษผู้คุมขัง จะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการที่ประกอบด้วย 3 ฝ่าย คือผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้พิพากษา และอัยการ โดยจะตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้คุมขัง ก่อนส่งเรื่องให้ศาลออกหมายปล่อยภายใน 120 วัน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยอมรับว่าเห็นด้วยกับคำวิจารณ์และข้อตำหนิที่เกิดขึ้น หลังจากนายสมคิดได้รับการลดหย่อนโทษและปล่อยตัว จนกลับมาก่อเหตุซ้ำ โดยเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าไม่สามารถใช้กฎหมายหรือข้อบังคับควบคุมนักโทษแบบเดียวกันทั้งหมดไม่ได้

ล่าสุดกรมราชทัณฑ์เตรียมรื้อระบบการลดหย่อนโทษ พร้อมกำหนดมาตรการคุมเข้ม และกลั่นกรองผู้ที่มีโอกาสได้รับการลดโทษ โดยจะนำพฤติการณ์ในคดีมาประกอบการพิจารณา เช่น คดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงต้องโทษตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป จะไม่เข้าเกณฑ์ลดโทษ หรือหากจะลดก็ลดในสัดส่วนที่น้อยมาก.-สำนักข่าวไทย