กรุงเทพฯ 7 พ.ย. – “ธรรมนัส” สั่ง ส.ป.ก.เร่งสางปัญหาที่ดินจังหวัดกระบี่ หลังครอบครองผิดกฎหมายมาหลายปี ยึดคืนจัดสรรให้เกษตรกรและผู้ยากไร้เข้าทำกิน ย้ำใช้ “กระบี่โมเดล” เป็นต้นแบบการจัดที่ดินทำกินในเขต ส.ป.ก.ทั่วประเทศ
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ดำเนินการทางคดีต่อบริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. โดยมิชอบเนื้อที่ 11,908 ไร่ เพื่อปลูกสวนปาล์มส่งเข้าโรงงานผลิตน้ำมัน โดย ส.ป.ก.ให้หยุดทำประโยชน์และออกจากที่ดินแล้ว ยกเว้นพื้นที่ประมาณเกือบ 2,000 ไร่ ที่ทางบริษัทสหอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันส่งเอกสารแย้งว่ามีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์สิทธิ์โดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ สัปดาห์หน้า ส.ป.ก.จะส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและเจ้าหน้าที่รังวัดตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว หากเอกสารสิทธิ์ที่นำมาอ้างไม่ใช่เอกสารจริงและเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ต้องยึดคืนให้หมด ขณะนี้ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและฝ่ายความมั่นคงเตรียมนำพื้นที่ที่ฟ้องร้องยึดคืนตามมาตรา 44 มาจัดสรรให้เกษตรกรและผู้ยากไร้ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ โดยต้องตรวจสอบคุณสมบัติให้แน่ชัดว่าไม่ใช่เป็นผู้แทนของผู้ครอบครองรายเดิม เพื่อหวังจะให้ชาวบ้านเข้าไปอยู่อาศัยในสวนปาล์ม โดยนายทุนยังได้รับประโยชน์จากผลผลิตที่เก็บเกี่ยวออกจำหน่าย
“นโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เป็นนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีที่เป็นประธาน คทช. ซึ่งต้องการให้ฟ้องร้องขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินรัฐโดยผิดกฎหมายออกไป จากนั้นนำมาจัดสรรให้เกษตรกรและผู้ยากไร้เข้าทำกิน ซึ่งจะดำเนินการที่จังหวัดกระบี่ให้สำเร็จเรียกว่า “กระบี่โมเดล” เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการจัดการที่ดินของรัฐเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า ได้ประชุมเร่งรัดการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ ส.ป.ก.จังหวัดกระบี่ ตามที่นายธรรมนัส สั่งการให้เสร็จโดยเร็ว ขณะนี้คดีฟ้องร้องขับไล่บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) อยู่ในชั้นอัยการเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป
ส่วนการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรและผู้ยากไร้ เบื้องต้นมีพื้นที่เป้าหมาย 973 ไร่ ซึ่ง คทช.จังหวัดเคยจัดสรรไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่มีชาวบ้าน 3 กลุ่มเข้ามาครอบครองและเกิดความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นยิงกัน ทำให้ล้มเลิกไป ครั้งนี้จะจัดสรรใหม่เป็นที่ดินของ ส.ป.ก. ท้องที่อำเภอเมืองกระบี่ ซึ่งประกาศเป็นพื้นที่เป้าหมายยึดคืนตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 39/2560 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2562 กำหนดเป็นแปลง NO 601 ก่อนหน้านี้เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีเอกสารสิทธิ์อื่นมายื่นคัดค้านภายใน 15 วัน ซึ่งครบกำหนดมีผู้มายื่นคัดค้าน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักกฎหมายจากส่วนกลางลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอกสารร่วมกับ ส.ป.ก.จังหวัดว่า การคัดค้านฟังขึ้นหรือไม่ โดยให้เสร็จภายใน 30 วันแล้วรายงานมายังเลขาธิการ ส.ป.ก. หากข้อคัดค้านฟังไม่ขึ้นจะดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกินตามนโยบาย คทช. โดยเร็วที่สุด
สำหรับพื้นที่ที่เหลือในท้องที่อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง และอำเภอเขาพนม ได้สั่งการให้สำนักแผนที่และสารบบที่ดินเร่งเข้าไปดำเนินการสำรวจรังวัดเพื่อกันพื้นที่เอกสารสิทธิอื่นออก แล้วให้เหลือเฉพาะที่เป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก. จริง ๆ เท่านั้น เพื่อส่งต่อให้สำนักกฎหมายและสำนักพัฒนาพื้นที่ปฏิรูปที่ดินร่วมกันคำนวณค่าความเสียหายประกอบการฟ้องคดีแพ่งต่อบริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันมันปาล์มเพิ่มเติมต่อไป โดยกำหนดระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
นายวิณะโรจน์ กล่าวว่า แผนการดำเนินงานภายหลังการยึดคืนพื้นที่ ส.ป.ก. คาดว่าจะสามารถจัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกรและผู้ยากไร้ 888 ราย โดยจะคัดเลือกเกษตรกรและผู้ยากไร้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ที่มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ก่อนเป็นลำดับแรก พร้อมกันนี้ ส.ป.ก.เตรียมแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในพื้นที่ให้มีความพร้อมก่อนที่จะส่งต่อให้สถาบันเกษตรกรเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินพร้อมกับดูแลเกษตรกรสมาชิกให้สามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ได้จริง จากนั้นจะใช้รูปแบบการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของจังหวัดกระบี่ครั้งนี้จะเป็นรูปแบบนำร่อง (Model) ในการยึดคืนพื้นที่ให้กับพื้นที่อื่น ๆ ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ โดย ส.ป.ก.จะยึดหลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้บนพื้นฐานของความถูกต้อง และดำเนินการด้วยความรวดเร็ว เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรในพื้นที่ ส.ป.ก. เป็นหลักสำคัญ.-สำนักข่าวไทย